สำหรับคนชอบกินหมูกระทะ สเต็ก สารพัดเนื้อสัตว์ต่างๆ บอกจะลดหุ่นก็เผลอกินเยอะทุกที ต้องวิธีนี้เลย
"คีโตเจนิกส์" กินไขมันก็ยังลดน้ำหนักได้

เลือกอ่านตามหัวข้อ
" คีโตเจนิกส์ไดเอ็ท " คืออะไรอ่ะ?
อยากหุ่นสวยง่ายๆ แบบปลอดภัย ต้องรู้!
หลักการ 3 ข้อของสูตรคีโตเจนิกส์ อยากกินไขมันแต่ก็อยากผอมต้องกินอย่างไร
เพิ่มเติมอีกนิด ประเภทอาหารที่เหมาะกับการลดน้ำหนักด้วยวิธี " คีโตเจนิกส์ "
ต้องบอกก่อนเลยว่า จากประสบการณ์โดยตรง CrystalBunny เป็นคนชอบกินเนื้อสัตว์มากๆ จะไม่ค่อยชอบกินพวกแป้งหรือข้าวสักเท่าไร หนึ่งวันกินข้าวมื้อเดียว ที่เหลือกินแต่เนื้อๆ แต่ทำไมก็ไม่รู้สินะ น้ำหนักเท่าเดิมมา 5 ปีแล้ว - 3- ( ผัวะ ! // โดนโบก ) จริงๆ ค่ะไม่โม้ กรรมพันธุ์เป็นคนอ้วนด้วย แต่กินเท่าไรก็ไม่อ้วน ( ฮิฮิ ) ด้วยความสงสัยมาเนิ่นนานว่าการเป็นแบบนี้เรามีความผิดปกติอะไรหรือเปล่านะ ไปหาหมอตรวจสุขภาพกี่ทีก็ปกติตลอด วัดไขมันในร่างกายก็ไม่ค่อยมี เอ๊ะ! ทำไมกันนะ
เราสืบไปสืบมาก็เพิ่งมารู้ว่าวิธีการกินแบบที่เรากินอยู่เนี่ย มันใกล้เคียงกับการลดน้ำหนักแบบ "คีโตเจนิกส์" ค่ะ ถึงบางอ้อกันเลยทีเดียว ซึ่งเราจะไม่ผอมหุ่นดีอยู่คนเดียวค่ะ เราก็จะเอาวิธีควบคุมน้ำหนัก "คีโตเจนิกส์" มาฝากสาวๆ กัน ไปดูกันเลย!
" คีโตเจนิกส์ไดเอ็ท " คืออะไรอ่ะ?
การไดเอทแบบ " คีโตเจนิกส์ " ก็คือการเน้นกินอาหารที่เป็นประเภทไขมันควบคู่กับโปรตีน ให้มากกว่าคาร์โบไฮเดรตอย่างพวกแป้งและกินน้ำตาลให้น้อยที่สุด เพื่อเป็นการปรับระบบเผาผลาญพลังงานในร่างกาย ( คล้ายๆ ทำให้ร่างกายเลียนแบบสภาวะการอดอาหาร ) ซึ่งร่างกายก็จะดึงไขมันที่เก็บสะสมเอาไว้มาเผาผลาญแทนน้ำตาล ( เริ่ด! )
จริงๆ สูตรนี้ก็มีมานานตั้งแต่ปี ค.ศ. 1980 โน่น โดยทางการแพทย์เขาก็คิดค้นขึ้นมาเพื่อรักษาผู้ป่วยลมบ้าหมู และสูตรนี้ก็กลายเป็นที่นิยมมากๆ ในหมู่คนเล่นกล้าม
แต่ แต่ แต่ ทุกอย่างใดๆ บนโลกใบนี้นะคะ มีทั้งข้อดีและข้อเสีย สำหรับข้อดีก็คือ เนื่องจากร่างกายดึงไขมันไปเผาผลาญแทนน้ำตาล ตับของเราก็จะไม่หลั่งอินซูลินออกมาเพื่อควรคุมน้ำตาล ในส่วนนี้ก็เรียกง่ายๆ ว่า ทำให้ร่างกายอยู่ในสภาพ " คีโตน " ( สภาวะเผาผลาญไขมันแทนน้ำตาล ) ผลที่เกิดขึ้นก็คือ เราก็จะไม่เหนื่อยล้า สำหรับคนที่ต้องทำงานทุกวันจะมาลดน้ำหนักลดอาหารกินแต่ผักผลไม้ก็จะเห็นว่าเหนื่อยง่าย
ซึ่งวิธีนี้จะช่วยให้เราทำงานได้อย่างปกติ ไม่อ่อนเพลีย หรือปวดหัว อีกทั้งยังช่วยลดน้ำหนักและไขมันในร่างกาย ทำให้รู้สึกว่าผอมลง ( ส่วนตัวชอบวิ่งและชอบเดินบ่อยๆ น้ำหนักก็ลดได้ไวมากเลยค่ะ )
ข้อเสียก็คือ ถ้ากินแบบนี้ติดต่อกันไปนานๆ จะทำให้ร่างกายสูญเสียกล้ามเนื้อที่ดีไป เพราะถูกร่างกายดึงโปรตีนจากเนื้อเยื่อเราไปใช้ ซึ่งในวันข้างหน้าก็เสี่่ยงต่อการเป็น โรคเกาต์ นิ่วในไต และไปขัดขวางการดูดซึมแรงธาตุต่างๆ ที่จำเป็นต่อร่างกาย เวลาเราป่วยก็จะหายช้ากว่าปกติ
จริงๆ แล้วสูตรนี้ควรกินติดต่อกัน 14 วันแล้วสลับไปกินอาหารแบบอื่น หรือลดน้ำหนักด้วยวิธีอื่นต่อ ( อย่างเราเอง ในหนึ่งอาทิตย์ก็หันไปกินมังสวิรัติ 1-2 วัน กินผักเยอะๆ กินพวกน้ำผลไม้บ้าง )
อยากหุ่นสวยง่ายๆ แบบปลอดภัย ต้องรู้!
การกินอาหารที่ไม่มีคาโบไฮเดรตอย่างพวกแป้ง หรือข้าวเลย เมื่อกินแบบนี้ติดต่อกันนานๆ ในท้ายที่สุดร่างกายก็จะไม่มีแรง รู้สึกอ่อนเพลียได้ง่ายๆ เพราะกรดไขมันถูกเผาผลาญแทน ทำให้ร่างกายมีสารเคมีที่เรียกว่าคีโตนมากเกินไป จากนั้นก็จะเกิดการปล่อยออกมาทางรูขุมขนและลมหายใจได้ เราก็จะรู้สึกได้ว่าลมหายใจของเรามีกลิ่นเหม็น ( ยังไงก็สลับไปกินข้าวกินผักผลไม้แบบปกติบ้างนะคะ )
หลักการ 3 ข้อของสูตรคีโตเจนิกส์ อยากกินไขมันแต่ก็อยากผอมต้องกินอย่างไร
ข้อแรก ลดปริมาณอาหารหมู่คาร์โบไฮเดรต โดยการคุมปริมาณการกินคาร์โบไฮเดรตให้เหลือวันละ 25-50 กรัม ต่อวัน บอกแบบนี้อาจไม่เข้าใจ เราก็จะมาบอกให้รู้กันว่า แล้วประมาณ 25-50 กรัม นี่มันคือประมาณไหน กินอะไรได้ คาร์โบไฮเดรตให้เหลือวันละ 25-50 กรัม
แนะนำให้กินเป็นข้าวจะดีกว่าค่ะ โดยข้าวสวย 1 ทัพพี จะได้คาร์โบไฮเดรตประมาณ 18 กรัม เท่ากับข้าวเหนียวประมาณครึ่งทัพพี ปริมาณคาร์โบไฮเดรตเท่ากัน ใครไม่ชอบกินข้าว พวกเส้นหมี่ เส้นเล็ก เส้นๆ ทั้งหลาย 1 ทัพพี จะได้ 18 กรัม ส่วนขนมปังจะมีคาร์โบไฮเดรตประมาณ 15 กรัม
ควรกินผลไม้ควบคู่ไปด้วย ซึ่งผลไม้ที่มีรสหวานน้อย ขนาดเท่ากำปั้นมือจะมีคาร์โบไฮเดรต 15 กรัม ( เรากินพวกแก้วมังกร เพราะอิ่มง่ายและช่วยเรื่องการขับถ่าย กับฝรั่งเพราะมีวิตามินซีสูง ) พวกผลไม้หวานก็มีคาร์โบไฮเดตร 15 กรัมเหมือนกันค่ะ
❤ อย่าลืมไลค์และแชร์บทความให้กำลังใจเราด้วยนะคะ ❤

อันดับบทความประจำวัน
(หมวดสุขภาพ)
Variety By SistaCafe

Feature
กิจกรรม SistaCafe