สวยสตรอง! แชร์เคล็ดลับจัดการปัญหา 'สิว' ด้วยตัวเองแบบง่ายๆ
PAGE 2/3
พอเข้าสู่ช่วงหน้าร้อนแบบนี้ นอกจากสิวเม็ดเป้งแล้ว สาวบางคนอาจจะเจอกับ ปัญหาสิวผด หน้ามัน รูขุมขนกว้าง และผิวหน้าไม่กระจ่างใส อยู่ใช่มั้ยล่ะคะ? แบบนี้มิ้นขอแนะนำ Smooth E Acne Clear Whitening Toner โทนเนอร์เนื้อโลชั่นใส ไม่มีการผสมสี ที่จะเป็นตัวช่วยลดการสะสมแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของการเกิดสิว กระชับรูขุมขน ควบคุมความมันระหว่างวัน และช่วยลดการสร้างเม็ดสีผิวบริเวณผิวชั้นบนสุด แบบนี้ก็โชว์ผิวหน้าใสแบบไร้สิวแบบฟินๆ กันได้เลย

หลังจากล้างทำความสะอาดผิวหน้าเรียบร้อยแล้ว ก็ให้เทโลชั่นลงบนแผ่นสำลี แล้วเช็ดให้ทั่วใบหน้าและเน้นบริเวณที่เป็น 'สิวผด' กันเลย แอบกระซิบนิดนึงว่าถ้าใช้โทนเนอร์ตัวนี้เป็นประจำ ก็จะ ช่วยลดความมันส่วนเกิน กำจัดแบคทีเรียและสิ่งสกปรกอุดตัน กระชับรูขุมขน และปรับผิวให้กระจ่างใส ชุ่มชื้น เรียกได้ว่าช่วยลดปัญหาสิวแบบ 4 in 1 เลยทีเดียว
3. สิวมีหัว (อักเสบ) และสิวไม่มีหัว (อุดตัน/อักเสบ)

วัยรุ่นวัยใสแบบเราเวลาที่เข้าสู่ช่วงสอบ อ่านหนังสือหนัก หรือนอนดึกก็มักจะมีสิวเม็ดเบ้อเริ่มโผล่หน้ามาทักทายอยู่ตลอดเวลา ส่วนมิ้นเนี่ยจะยิ่งเป็นหนักช่วงใกล้มีประจำเดือน มาครบทั้ง ปัญหา 'สิวมีหัว' และ 'สิวไม่มีหัว' เลยล่ะ แบบนี้มิ้นเลยต้องเลือกเจลแต้มสิวให้เหมาะสมกับประเภทของ 'สิว' ของตัวเองด้วยล่ะ
ซึ่ง สมูทอีแอคเน่ ก็มีผลิตภัณฑ์แต้มสิวมาให้สาวๆ อย่างเราได้เลือกใช้ 2 ตัวด้วยกัน นั่นก็คือ Smooth E Acne Hydrogel และ Smooth E Acne Hydrogel Plus ซึ่งมาในรูปแบบของไฮโดรเจล จึงไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน และไม่ทำให้ผิวบริเวณที่เป็นสิวแห้งกร้าน พอแต้มลงไปปุ๊บก็จะช่วยทำให้สิวยุบลงภายใน 24 ชั่วโมงเลยล่ะ แต่ถึงฤทธิ์ยาจะแรงต่อสิว แต่อ่อนโยนต่อผิวแบบสุดๆ เลยนะคะ รับรองว่าไม่กัดผิวหรือทำให้เกิดอาการแพ้ระคายเคืองแน่นอน งั้นตามมิ้นไปดูเลยดีกว่าค่ะ ว่าเจลแต้มสิวสองหลอดนี้ใช้ต่างกันยังไง...
ซึ่ง สมูทอีแอคเน่ ก็มีผลิตภัณฑ์แต้มสิวมาให้สาวๆ อย่างเราได้เลือกใช้ 2 ตัวด้วยกัน นั่นก็คือ Smooth E Acne Hydrogel และ Smooth E Acne Hydrogel Plus ซึ่งมาในรูปแบบของไฮโดรเจล จึงไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน และไม่ทำให้ผิวบริเวณที่เป็นสิวแห้งกร้าน พอแต้มลงไปปุ๊บก็จะช่วยทำให้สิวยุบลงภายใน 24 ชั่วโมงเลยล่ะ แต่ถึงฤทธิ์ยาจะแรงต่อสิว แต่อ่อนโยนต่อผิวแบบสุดๆ เลยนะคะ รับรองว่าไม่กัดผิวหรือทำให้เกิดอาการแพ้ระคายเคืองแน่นอน งั้นตามมิ้นไปดูเลยดีกว่าค่ะ ว่าเจลแต้มสิวสองหลอดนี้ใช้ต่างกันยังไง...

สำหรับใครที่ประสบปัญหา 'สิวมีหัว' หรือสิวอักเสบ ก็ให้ใช้ Smooth E Acne Hydrogel แต้มลงไปบนบริเวณที่เป็นสิวมีหัวหนอง แล้วนวดคลึงเบาๆ เพื่อให้ตัวยาออกฤทธิ์แบบสม่ำเสมอ ซึ่งสาวๆ สามารถทาเนื้อเจลทับเครื่องสำอางระหว่างวันได้โดยไม่เป็นคราบด้วยนะ

แต่ถ้าใครที่เจอปัญหา 'สิวไม่มีหัว' หรือสิวอุดตัน/อักเสบ แล้วล่ะก็ ให้เลือกใช้ Smooth E Acne Hydrogel Plus แต้มลงบนบริเวณที่เป็นสิวไม่มีหัว แล้วนวดเบาๆ รอบบริเวณที่เป็นสิว โดยเจลแต้มสิวสูตรนี้ก็ทาทับเครื่องสำอางได้แบบไม่ต้องล้างออกเหมือนกันเลย
4. รอยแผลที่เกิดจากสิว ทั้งรอยดำ รอยแดง และรอยบริเวณหลุมสิว

หลังจากที่ 'สิว' ยุบลงแล้ว ก็ใช่ว่าปัญหาจะหมดไป เพราะว่าสิวส่วนใหญ่มักทิ้งรอยแผลที่เกิดจากสิวเอาไว้ให้ดูต่างหน้า ทั้ง ปัญหารอยดำ รอยแดง และรอยบริเวณหลุมสิว แบบนี้มิ้นเลยใช้ Smooth E Acne Scar Serum ทาลงไปบนรอยสิวเป็นประจำเลยค่ะ ซึ่ง ตัวเนื้อผลิตภัณฑ์มาในรูปแบบเปปไทด์เซรั่ม ที่ใช้สำหรับรักษาปัญหารอยแผลที่เกิดจากสิวโดยเฉพาะ แค่นั้นยังไม่พอนะคะเพราะว่าเซรั่มตัวนี้ยัง ช่วยลดเชื้อแบคทีเรียเพื่อป้องกันการเกิดสิวใหม่ และสร้างคอลลาเจนให้ผิวกลับมาเรียบเนียนเหมือนเดิมด้วยล่ะ
