อย่าได้คว้ามาแต่ง! รวม 5 สัญญาณ หนุ่มคนนี้ไม่มี Husband Material ! 😳

สำหรับคนที่ศรัทธาในความรัก มักจะมีความเชื่อมั่นคล้ายๆ กันว่า คนที่นับถือศาสนาคริสต์ ก็สามารถมีชีวิตรักที่ดีกับคนชาวยิวได้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม ถ้าสมมุติคุณนับถือพุทธ แต่คุณกำลังคบอยู่กับใครสักคนที่ไม่ชอบไปวัด ในขณะที่คุณชอบ นั่นแหละ แค่นี้ปัญหาก็เกิดแล้ว 

สำหรับคู่รักที่มีความเชื่อต่างกัน มีการนับถือศาสนาต่างกัน ไม่จำเป็นว่าเขาจะต้องย้ายศาสนามาอยู่ศาสนาเดียวกับเรา หรือเราจะต้องล้างสมองเขา หรือฝืนใจเขาให้มีความเชื่อแบบเดียวกับเราให้ได้ เพราะถ้าทำอย่างงั้น ก็คงเริ่มต้นไม่สวยอยู่ดี เพียงแต่ ต่อให้เราต่างศาสนากัน แต่เรามีความเคารพในความเชื่อซึ่งกันและกัน และปล่อยพื้นที่ให้แต่ละคนได้ทำตามในสิ่งที่ตัวเองเชื่อ และสนับสนุนกันแค่นั้นก็เพียงพอแล้ว

แต่ถ้าคนที่คุณคบอยู่ขาดคุณสมบัติข้อนี้ไปล่ะก็ เกิดแต่งงานมีลูกกันขึ้นมาเมื่อไหร่ ปัญหาก็เกิดตั้งแต่การพูดคุยที่ไม่เข้ากันกัน และการเลี้ยงดูลูกในสถานการณ์แบบนั้นต้องไม่ดีแน่นอน

ข้อนี้ไม่ได้หมายความว่าอายเพราะแฟนหน้าตาไม่หล่อ แต่งตัวไม่ดี แต่อย่างใดนะ เพราะภาพลักษณ์ภายนอกอะไรพวกนั้นเราแก้ไขได้ แต่ความละอายที่ทำให้คุณไม่กล้าพาแฟนไปหาเพื่อน หรือครอบครัวที่พูดถึงนั้นคือ เพราะคุณรู้ว่าเขาจะต้องเจอคำถามยากๆ อย่าง " ทำงานอะไร ", " อาศัยอยู่ที่ไหน " อะไรแบบนี้ และคุณรู้ว่ามันเป็นคำถามที่ตอบยาก ไปจนถึงไม่น่าตอบ!

อย่างเช่น แฟนเก่าคุณเคยอยู่สถานกักกันมาก่อน หรือทำงานอะไรที่คุณรู้สึกว่าไม่กล้าให้เขาพูดความจริงต่อหน้าครอบครัว ถึงแม้ว่าปัจจุบันเขาจะเป็นคนดีก็ตาม จนต้องหลีกเลี่ยงไม่พาไปพบเพื่อน และพ่อแม่ นั่นแสดงให้เห็นว่าคุณมีความละอายต่อตัวตนของเขา ( และรู้ว่าครอบครัวต้องไม่ชอบด้วย ) ซึ่งถ้าคุณเกิดความรู้สึกแบบนั้นแล้วล่ะก็แสดงว่าคุณกับเขาไม่เหมาะที่จะใช้ชีวิตคู่ด้วยกันแล้วแหละ

เพราะถึงต่อให้คุณปิดบังครอบครัวได้ แต่ความคิดที่คุณรู้สึกละอาย และรับความจริงในตัวตนเขาไม่ได้ ก็จะทำให้ชีวิตคู่ของคุณไม่เป็นสุขอยู่ดี เผลอๆ ทะเลาะกัน คุณจะงัดข้อเสียของเขามาพูดอีกก็เป็นได้