คนแสนดี ก็มีแต่คนมองข้าม! 5 วิธี เลิกเป็นคนแสนดีได้แล้ว #เลิกแสนดี แล้วชีวิตจะดี๊ดี ✨

 

คนเราทุกคนเกิดมาด้วยสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน ถูกเลี้ยงดูมาต่างกัน ซึ่งทำให้ทุกคนมีนิสัยที่ไม่เหมือนกัน แต่นิสัยของคนเรา ก็เป็นตัวชี้ว่า เราจะได้รับการตอบรับยังไง ซึ่งตามหลักศาสนาพุทธ คนเราก็เชื่อกันว่า " ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว " บวกกับที่พ่อแม่ทุกคนล้วนอยากให้ลูกเป็นคนดี จึงเลี้ยง และสั่งสอนอย่างดี เพื่อให้ลูกเป็นคนดี ที่ชูหน้าชูตาแก่วงศ์ตระกูลได้

ซึ่งจากการเลี้ยงดู และค่านิยมของการเป็นคนดี ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร ยิ่งมีแต่คนดี ยิ่งดีซะอีก เพราะยิ่งเป็นคนที่ไนซ์มากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งมีแต่คนรักมากขึ้นเท่านั้น นับว่าการเป็นคนดี นี่โชคดีที่สุดแล้ว แต่ก็มีคนบางกลุ่มที่แม้ว่าจะเป็นคนดี แต่ก็โชคร้ายซะเหลือเกิน พวกเขาเหล่านั้นคือ คนที่แสนดี ซึ่่งถ้าให้พูดตรงๆ ก็คือ ดีเกินไป และห่วงความรู้สึกคนอื่นมากกว่าตัวเอง จนทำให้ตัวเองนั้นกลายเป็นผู้ถูกกระทำซะเอง

และถ้าอย่างนั้นมันต้องมีอะไรผิดพลาดบางอย่างแน่ๆ ซึ่งสิ่งนั้นก็คือความเกินพอดี อะไรที่มากเกินไปก็ไม่ใช่เรื่องดี แม้จะเป็นความดีก็ตาม ใครที่รู้ตัวว่าเป็นคนดี แต่มักจะโดนมองข้ามบ่อยๆ แสดงว่าคุณกำลังมาผิดทาง หากได้เข้ามาอ่านบทความนี้แล้ว อยากให้เปิดใจอ่าน 5 วิธี เลิกเป็นคนแสนดีได้แล้ว และคุณจะเห็นว่ามีอะไรที่คุณอาจจะพลาดไป

 

 

จากการวิจัยของ the Harvard Business แสดงให้เห็นว่ามีเพียง 7% ของนักศึกษาหญิงจากคณะ MBA เท่านั้น ที่พยายามต่อรองราคากับนายจ้าง ในขณะที่ผู้ชาย 57% พยายามต่อรองและได้เงินเดือนตามทีร้องขอ 

นี่คือสิ่งหนึ่งที่พิสูจน์ว่า คุณจะไม่ได้ในสิ่งที่ตัวเองสมควรได้รับ หากคุณไม่เรียกร้อง ซึ่งบางคนมักจะมีปัญหาแบบนี้ ซึ่งอาจจะเกิดจากความไม่มั่นใจในตัวเอง และมองตัวเองต่ำเกินไป คิดว่าสิ่งที่เขาประเมินเรา คือสิ่งที่เป็นเราแล้ว โดยไม่คำนึงว่าจริงๆ แล้วเราสามารถทำอะไรได้บ้าง ทั้งๆ ที่การที่คุณยอมในเรื่องที่ไม่จำเป็นต้องยอม จะทำให้คุณกลายเป็นโดนเอาเปรียบ และเสียโอกาสดีไปฟรีๆ 

ฉะนั้นอย่ากลัวที่จะร้องขอในสิ่งที่ตัวเองควรได้รับ ก็เหมือนคาถา " เอ็กซิโอ " ของแฮร์รี่นี่แหละ ถ้าคุณเรียกในสิ่งที่คุณต้องการ คุณก็จะได้ในสิ่งที่ต้องการ แต่ถ้าคุณไม่ทำอะไรเลย คุณก็ไม่ได้

 

คนเราทุกคนมักจะร้องขอความช่วยเหลือจากคนอื่นเสมอแหละ ถ้ามีโอกาสนะ และถ้าเรามีน้ำใจ เราก็จะให้การช่วยเหลือ คุณเองก็เช่นกัน ซึ่งจริงๆ แล้วมันไม่มีอะไรผิดเลยหากเราอยากจะช่วยคนอื่น แถมเป็นเรื่องดีซะด้วยซ้ำ การมีน้ำใจเอื้อเฟื้อต่อผู้อื่น ย่อมเป็นสิ่งที่น่ายินดีอยู่แล้ว แต่ไม่ใช่ในช่วงที่อาจจะทำให้คุณเดือดร้อนเช่น คุณเองก็เหนื่อย หรือมีภาระของตัวเองที่ต้องทำอยู่ อะไรแบบนี้

จำไว้เลยว่าคุณสามารถช่วยเหลือผู้อื่นได้ แต่คุณจะรับปากกับทุกอย่างไม่ได้ และคุณช่วยเหลือทุกคนไม่ได้ คุณไม่จำเป็นต้องเอาตัวเองไปแลกกับสุขภาพ หรือความปลอดภัย และมั่นคงในชีวิตของคุณเอง ข้อนี้ไม่ใช่ว่าบอกให้เราทุกคนเห็นแก่ตัว เพียงแต่ให้ดูจังหวะ ว่าเราว่างจริงๆ มั้ย จังหวะเหมาะสมมั้ย แล้วสิ่งที่เขาขอความช่วยเหลือจากเรานั้นปลอดภัยรึเปล่า 

เพราะถ้าไม่อย่างนั้น เมื่อคุณเอาตัวเองไปแลกกับทุกอย่างแล้ว ก็จะไม่เหลือคุณให้ช่วยเหลือใครได้อีก อย่าลืมว่าสุขภาพ และความปลอดภัยของคุณเองต้องมาก่อนเป็นอันดับแรกนะจ๊ะ

นี่คือนิสัยเสียส่วนใหญ่ของคนแสนดี นั่นก็คือการปล่อยให้คนอื่นมาทำร้ายตัวเอง โดยไม่คิดจะโต้ตอบ ในบางครั้งที่เราอาจจะเจอคนมาดูถูก หรือทำอะไรหมิ่นเกียรติเรา อย่าเมินเฉยเด็ดขาด หากว่าใครมาหยาบคายใส่ จงตอกกลับให้เขารู้ตัวทันที ไม่จำเป็นต้องด่ากลับตรงๆ ก็ได้ แต่อย่าไปหลงยอมรับในคำกล่าวหาผิดๆ ที่เขาโยนใส่คุณโดยไม่แก้ไขเด็ดขาด

หลายๆ คนไม่กล้าพูด เพราะเกรงใจ และกลัวจะมีปัญหา กลัวว่าคนจะไม่ชอบ ทั้งที่ความเป็นจริงแล้ว หากคุณไม่พูด คนอื่นก็จะไม่รู้ความจริง และถ้าเขาเชื่อแบบผิดๆ ผลที่ได้ก็คือภาพลักษณ์คุณแย่ซะยิ่งกว่าอธิบายกว่าอีกนะ ฉะนั้นอะไรที่มันไม่ดีต่อเราก็จงกล้า จงเป็นตัวของตัวเอง และเชื่อมั่นในตัวเองเข้าไว้ หากคุณเป็นตัวของตัวเอง และพูดออกมา จะต้องมีคนสัมผัสถึงความจริงใจได้แน่นอน