‘การเสื่อมของผิว’ เมื่อเข้าสู่วัยเลข 3 ก็ยังเป็นปัญหาที่พบได้มากและชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ

เลือกอ่านตามหัวข้อ
Collagen และ Elastin
3 วิธี จบปัญหาผิวหย่อนเกินวัย
1. Dermis Cool
2. HIFU
3. Thermage
‘ ยิ่งโต ยิ่งสวย ’ เป็นสิ่งที่มีอยู่จริง แต่ไม่อาจเกิดขึ้นได้กับทุกคนนะคะ เพราะนั่นหมายความว่า คุณต้องมีการบำรุงดูแลตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะผิวพรรณใบหน้าที่ขอแค่ขาว ใส เนียน น่าสัมผัส ก็ชนะตั้งแต่ยังไม่ก้าวขาออกจากบ้าน แต่พอตัดภาพสู่โลกแห่งความจริง ที่นอกจากจะไร้ที่ยืนเพราะเซลล์ผิวไม่สะพรั่งสู่ชั้นผิวให้ได้เตะตาคนอื่นแล้ว ‘ การเสื่อมของผิว ’ เมื่อเข้าสู่วัยเลข 3 ก็ยังเป็นปัญหาที่พบได้มากและชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ อีกด้วย

แพทย์หญิง ณัฐชา จารุเรืองพงศ์ หรือคุณหมอแฟง ( แพทย์ผู้ชำนาญด้านผิวพรรณความงาม และการออกแบบรูปหน้า ) ได้ให้ความรู้เกี่ยวกับประเด็นปัญหาผิวหน้าเสื่อมสภาพนี้ว่า
“ ปัญหาผิวหน้าเสื่อมสภาพเกิดจากการเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติ ซึ่งเกิดกับคนทุกคน ช้าเร็วขึ้นอยู่กับ 2 ปัจจัยหลัก คือ ปัจจัยภายนอก เช่น สภาพอากาศ การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงหน้าและเครื่องสำอาง การดูแลทำความสะอาด และรูปแบบการใช้ชีวิต ( Lifestyle ) ซึ่งเป็นสิ่งที่เราควบคุมได้ ต่อมา คือ ปัจจัยภายใน ซึ่งเป็นปัจจัยที่ยากต่อการควบคุม โดยปกติเซลล์ในร่างกายจะเริ่มจากทำงานช้าลง จากที่เคยผลิตคอลลาเจนได้ 100 ต่อวัน ก็ลดลงเหลือ 90 ต่อวัน จะไม่ใช่การเสื่อมในทันที จะเป็นลักษณะค่อยๆ เสื่อม และไม่ใช่เฉพาะคอลลาเจนเท่านั้นที่มีผลต่อการเกิดปัญหาผิวหน้าเสื่อมสภาพลง การผลิตน้ำมันที่น้อยลง รวมถึงจำนวนไขมันที่ลดลง ก็เป็นสาเหตุสำคัญของปัญหาเหล่านี้ค่ะ ”
Collagen และ Elastin
หลายคนคงคุ้นกับชื่อคอลลาเจน ( Collagen ) และอีลาสติน ( Elastin ) กันเป็นอย่างดี ถ้ามีประเด็นความอ่อนเยาว์ ความสวยละมุนที่ไหน ต้องมีการกระตุ้น Collagen และ Elastin คู่กันเสมอ เพราะ 2 สิ่งนี้ทำงานร่วมกันใต้ชั้นผิว

Collagen เป็นโปรตีนชนิดหนึ่ง มีลักษณะเป็นเส้นใยจำนวนมากประสานกันอยู่ ทำหน้าที่ให้ความตึงและเรียบเนียนกับผิวหน้าเรา ส่วน Elastin จะทำหน้าที่ให้ความยืดหยุ่นกับผิวหนังค่ะ เปรียบเทียบให้ง่าย
( ตามภาพด้านบน )
· ฝั่งซ้าย คือ โครงสร้างที่มีเส้นใยสมบูรณ์แข็งแรงปกติ ทำให้ผิวภายนอกเรียบตึง แข็งแรง ไม่ขรุขระ
· ฝั่งขวา คือ โครงสร้างที่เส้นใยเริ่มหดตัวเพราะผลิตได้น้อยลง ทำให้ผิวภายนอกไม่เรียบตึงและเริ่มขรุขระ
โดยปกติเราจะเห็นปัญหาจาก Collagen และ Elastin ที่ค่อยๆ เสื่อมลงได้ค่อนข้างชัดเจนตั้งแต่ตอนอายุ 30 ปี ค่ะ และ 2 อย่างนี้จะเริ่มผลิตน้อยลงเรื่อยๆ ซ้ำยังเกิดขึ้นในผู้หญิงได้ง่ายและชัดเจนกว่าผู้ชายอีกด้วย จุดสังเกตภายนอกคือผิวหน้าจะเริ่มแห้งกร้าน ขาดความชุ่มชื่น มีรอยย่นและตีนกา

· ฝั่งซ้าย คือ สภาพผิวปกติ ที่มีน้ำมันหล่อเลี้ยงชั้นผิว ช่วยเพิ่มความชุ่มชื่น
· ฝั่งขวา คือ สภาพผิวแห้ง มีปัญหา เพราะต่อมไขมันผลิตน้ำมันได้น้อยลง
ปัจจัยภายนอกที่เป็นตัวกระตุ้นสำคัญให้เกิดปัญหาผิวแห้งหยาบ คือ แสงแดด การสูบบุหรี่ รูปแบบการใช้ชีวิต ไปจนถึงการออกกำลังกาย และการพักผ่อนที่ดีพอ เพราะทั้งสองสิ่งที่ว่ามานั้นถูกจัดให้เป็นกิจกรรมช่วยกระตุ้นระบบหมุนเวียนเลือดที่ดี ทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง ดูสดใสขึ้นได้ค่ะ

· ฝั่งซ้าย คือ ลักษณะไขมันใต้ผิวหน้าตามปกติ ทำให้ใบหน้าดูเต่งตึง ผิวฟู ดูสดใส
· ฝั่งขวา คือ ลักษณะไขมันใต้ผิวหน้าที่เริ่มน้อยลง ทำให้ใบหน้าดูเหี่ยว ผิวไม่เต่งตึง
ปัญหาจำนวนไขมันลดลงมักเกิดกับคนที่มีอายุ 35-40 ปี ขึ้นไป จะพบเป็นปัญหาชัดเจนมาก เพราะลักษณะใบหน้าจะเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด นอกจากจะเกิดปัญหาด้านผิวพรรณแล้ว ยังส่งผลต่อริ้วรอย ความหย่อนคล้อย รวมถึงมิติบนใบหน้าตามตำแหน่งอื่นๆ ตามมาได้
3 วิธี จบปัญหาผิวหย่อนเกินวัย
เราจะเห็นว่า ปัญหาผิวเสื่อมสภาพเกิดจากหลายๆ สาเหตุ แม้ปัจจัยภายนอกจะเป็นสิ่งที่เราควบคุมได้ แต่วิธีที่ดีที่สุด คือ การเข้าไปปรับคุณภาพผิวให้ดีขึ้นจากภายใน ทั้งการกระตุ้น Collagen + Elastin การผลิตน้ำมันบนใบหน้า หรือการกระตุ้นการทำงานของต่อมไขมัน ที่ต้องเข้าไปกระตุ้นการทำงานยังตำแหน่งสำคัญของสาเหตุโดยเฉพาะ เป็นวิธีช่วยจบปัญหาผิวอย่างตรงจุด ให้หน้าเด้ง สดใส 3 วิธี ด้วยกัน
1. Dermis Cool

กรณีที่ผิวหน้ายังมีปัญหาไม่มาก ริ้วรอยไม่ลึก เป็นลักษณะผิวหน้าแห้ง ขาดความชุ่มชื่น หมองคล้ำ ไม่สดใส เทคนิคฟื้นฟูผิวหน้าด้วย Dermis Cool คือ นวัตกรรมนำวิตามินเข้าสู่เซลล์ผิว และบำบัดด้วยแสง ( Cool Mesoporation และ Light Therapy )
· พลังงาน ion+ และ ion- ทำให้โครงสร้างชั้นไขมันเกิดการเปลี่ยนแปลงชั่วคราว และช่วยเปิดรูบนผิวชั้นบนสุด เพื่อผลักเอาวิตามินเข้าสู่ผิว ลงลึกผ่านเข้าไปในเซลล์ และระหว่างเซลล์
· พลังงานความเย็น ช่วยคงคุณภาพวิตามินที่ซึมเข้าสู่ผิว โดยคงค่า pH บนผิวไว้ ทำให้ผิวไม่บางลง
· แสง LED ( สีแดง, สีน้ำเงิน, สีเหลือง ) ช่วยกระชับรูขุมขน ลดอาการอักเสบของผิวหน้า ลดการเกิดสิวอักเสบ ( ผู้มีปัญหาสิวจึงสามารถทำได้ ) กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว ผลัดเซลล์ผิวที่เสื่อมโทรม รักษาสีผิวไม่สม่ำเสมอ ฟื้นฟูผิวที่มีความหมองคล้ำและลดริ้วรอยได้
2. HIFU

นวัตกรรมฟื้นฟูผิวระดับลึกที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง เพราะไม่ต้องเจ็บตัวเยอะ เป็นการใช้พลังงาน Ultrasound ความเข้มข้นสูง เหมาะกับผู้ที่มีริ้วรอยเล็กๆ เริ่มมีปัญหาความหย่อนคล้อย การทำงานของ HIFU เป็นการส่งพลังงานคลื่นเสียงรูปแบบหนึ่งที่แตกต่างจากพลังงานแสง ( IPL และ Laser ) เพราะใช้หลักการทำงานแบบเฉพาะจุด ส่งพลังงานไปยังจุดใดจุดหนึ่งด้วยความแม่นยำ ปลอดภัย โดยไม่ทำให้ผิวบริเวณรอบๆ เกิดความเสียหาย



อันดับบทความประจำวัน
(หมวดความงาม)
Variety By SistaCafe

Feature
กิจกรรม SistaCafe