เลือกอ่านตามหัวข้อ
[แสดง][ซ่อน]เวลาไปไดร์ผมที่ร้านเคยคิดกันมั้ยว่า เขาทำกันได้ยังไงถึงไดร์ผมออกมาได้ตรง และมีวอลลุ่มขนาดนี้ ขนาดเคยลองจำวิธีหวีมาทำที่บ้านมั่งแล้ว ทำไมไม่เหมือนล่ะ!? ก็อาจจะจริงที่ว่าเขามืออาชีพมากกว่า แต่หากเราฝึกบ่อยๆ มันก็เชี่ยวชาญได้เหมือนกัน แต่อันที่จริง ความพิเศษที่ทำให้ช่างทำผมทุกคนสามารถควบคุมเส้นผมให้ออกมาเป็นทรงได้อย่างใจนั่นก็คือ " การเข้าใจในคุณสมบัติของอุปกรณ์ที่ใช้ " มันก็เหมือนกับการที่เราทำอาหารแล้วรู้ว่า เกลือ น้ำตาล ซอสปรุงรสมีรสชาติเป็นยังไง เลยสามารถปรุงรสให้ออกมากลมกล่อมได้ดังใจชอบ แล้วหากเราอยากจะมีผมทรงไหน ต้องการให้ผมออกมาเป็นยังไง " หวี " คืออุปกรณ์พื้นฐานสำคัญที่ Hair stylist เลือกใช้
หากเราอยากควบคุมเส้นผมได้ดังใจปรารถนาแล้วล่ะก็ มาทำความรู้จักกับ " คุณสมบัติของหวี " แต่ละแบบกันเลยดีกว่านะ
8 ประเภทของหวี .... เลือกหวีแบบไหน ได้ผมแบบนั้น!
1. Paddle Brush
หวีแปรงชนิดนี้เรียกว่าเป็นแปรงอเนกประสงค์เลยก็ว่าได้ เพราะคุณสามารถจัดการปัญหาผมยุ่งๆ พันกันได้ด้วยหวีอันนี้ ไดร์ผมก็ได้ นวดศีรษะก็ได้ ทำให้ผมเรียบและดูมีวอลุ่มก็ได้ แถมยังไม่ดึงเส้นผม หรือไปข่วนหัวให้เจ็บอีกต่างหาก เพราะว่ามันจะมีหมุดกลมๆ จากไนลอนที่จะไม่ก่อให้เกิดการสถิตของเส้นผม และมีแผ่นบุกันกระแทกอยู่อีกด้วย คุณสามารถใช้หวีแบบนี้ไดร์ผมได้ในเช้าที่รีบเร่ง ก่อนจะม้วน หรือจะดัดใดๆ ก็ได้ทั้งนั้น
2. Round Brush
หวีกลมแบบนี้สมควรจัดไว้เป็นหวีสามัญประจำบ้านไปได้เลย เพราะด้วยหวีแบบนี้มีขนแปรงที่อ่อนโยนเพียงพอที่จะช่วยเรื่องเส้นผมที่ยุ่งเหยิง แต่ก็แข็งแรงมากพอที่จะยืดผมให้ตรงได้ ถ้าดูโดยรวมของแปรงจะเห็นได้ว่ามีจำนวนขนแปรงอยู่ในระดับที่เพอร์เฟกต์ เหมาะเหม็งมากๆ สำหรับการซอกซอนเส้นผม ซึ่งเมื่อเราหวีด้วยแปรงแบบนี้ เส้นผมจะพันไปรอบๆ แปรง และเด้งตัวออกมา ซึ่งจะทำให้ได้ผมที่โดดเด้ง มีวอลุ่ม และเงางามได้อย่างใจ
3. Metal Round Brush
แปรงชนิดนี้จะให้ผลเหมือนที่ม้วนผมเมื่อโดนความร้อน ฉะนั้นส่วนมากเราจะใช้แปรงแบบนี้แหละในการม้วนผม เวลาที่เราต้องการให้ปลายผมโค้งงอน หรือต้องการลอนหน่อยๆ โดยไม่ต้องใช้ที่ม้วนผม ตรงแกนที่เป็นส่วนเว้าจะทำให้ลมจากไดร์สามารถเป่าผ่านทะลุไปได้ ซึ่งจะทำให้ผมโดนลมได้อย่างทั่วถึงและทำให้ผมแห้งได้อย่างรวดเร็ว แต่เวลาใช้ต้องระมัดระวังหน่อย เพราะอาจจะไปข่วนโดนหนังศีรษะ หรือถ้าหากเราทำช้าเกินไปก็จะโดนความร้อนจากไดร์เป่าผม และแกนหวีได้
4. Metal Core Brush
แปรงหวีอันนี้คล้ายๆ กับการนำ Round Brush + Metal Round Brush เพราะมีขนแปรงทั้งแบบไนลอน และขนแบบหมูป่าอยู่ในอันเดียวกัน ซึ่งจะทำให้คุณสามารถควบคุมเส้นผมได้ง่ายกว่าแปรง Metal core brush ทั่วๆ ไป โดยขนหมูป่าจะช่วยเป็นตัวกันระหว่างหนังศีรษะกับแกนเหล็กของหวีไม่ให้ได้รับความร้อนมากเกินไป แปรงชนิดนี้จึงจัดว่ามีประโยชน์แบบมัลติหลากหลายด้านมากในบรรดา Round Brush ด้วยกัน แถมยังทำให้ผมตรงดูนุ่มสลวยได้อีกด้วยนะ
5. Porcupine Brush
แค่ได้ยินชื่อว่าแปรงขนเม่นก็อย่าเพิ่งตกใจจินตนาการกันไปก่อนล่ะว่า ตัวเองต้องเอาขนเม่นมาแปรงผมเรอะเนี่ย เปล่าเลยจ้า ใจเย็นๆ เพราะชื่อ Porcupine เนี่ยมันเป็นชื่อเรียกเพื่อสื่อถึง ขนหลายๆ แบบที่มาอยู่รวมกันเป็นเซ็ตๆ คล้ายขนเม่น โดยจริงๆ แล้วแปรงชนิดนี้จะผสมผสานไปด้วยขนหลายแบบซึ่งแน่นอนว่ารวมถึงขนหมูป่าและไนลอนไว้ด้วยกัน ยังไงก็ตามแปรงแบบนี้จัดว่านุ่มนวลพอสมควร แต่ก็สามารถจับติดเส้นผมได้ดี อีกทั้งยังถูกออกแบบมาให้ควบคุมเส้นผมได้ดีมาก สามารถซอกซอนเส้นผมไปสู่หนังศีรษะได้แม้แต่คนผมหนาก็ตาม