ถ้าอยากเป็นสาวสวย เก่ง และเริ่ศ มาทางนี้!! ทำตาม 8 นิสัยที่เราจะมาบอกกัน รับรองว่าสาวๆ มีวันที่สดใสแน่นอน!

เลือกอ่านตามหัวข้อ
1. ตื่นเช้ามากกว่าเดิม
2. ห้ามจับโทรศัพท์เด็ดขาด!!
3. ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ
4. ทำตามขั้นตอนของตัวเอง
5. ตั้งเป้าหมายให้ตัวเองก่อนออกนอกบ้าน
6. ตรวจตราให้เรียบร้อย
7. เตรียมพร้อมเรื่องเรียน/งาน
8. อย่าลืมอาหารเช้า
เวลาตื่นนอนตอนเช้ามักจะมีความรู้สึกมึนๆ งงๆ และสมองตึงเปรี๊ยะ!! บางคนก็อาจจะเป็นเพียงเฉพาะช่วงเช้า แต่บางคนก็อาจจะมีอาการนี้ยาวไปถึงบ่าย ทำให้การเรียนหรือการทำงานทั้งวันดูห่อเหี่ยว สมองตื้อตัน คิดอะไรไม่ออกสักอย่าง ความคิดสร้างสรรค์ไม่ต้องพูดถึง แทบไม่มีไอเดียใหม่ๆ ออกจากสมอง
สาวๆ SistaCafe เคยเป็นแบบนี้กันไหมคะ?
บางคนก็อาจจะเกิดจากการปาร์ตี้หนัก ดูซีรีส์ถึงดึก แต่บางคนนอนเร็วก็ยังเป็นอยู่ดี ทั้งหมดนี้อาจจะเกิดจากช่วงอายุและการไม่ได้พักผ่อน หรือ ทานอาหารอย่างถูกต้อง รวมไปถึงการไม่ได้ดูแลสุขภาพตัวเองเท่าที่ควร แบบนี้ถ้าปล่อยนานไปการเรียนมีสิทธิ์ตกและงานก็มีสิทธิ์พังได้นะคะ ลองมาดู 8 นิสัยยามเช้าที่สาวๆ ควรทำ เพื่อให้สมองสดชื่นและทำให้สมองมีความคิดสร้างสรรค์ไปตลอดทั้งวันกันค่ะ
1. ตื่นเช้ามากกว่าเดิม
การตื่นนอนตอนเช้าควรตั้งนาฬิกาปลุกให้ตื่นก่อนการอาบน้ำ และแต่งตัวไปทำงาน เผื่อไว้ที่ประมาณ 30 นาที เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในหลายๆ เรื่อง สำหรับคนที่มีครอบครัว การตื่นก่อนจะทำให้เรามีเวลามากกว่าคนอื่นๆ ภายในบ้าน และไม่ต้องยุ่งเข้าห้องน้ำชนกันให้วุ่นวาย ส่วนคนที่อยู่คนเดียวก็จะได้ทำกิจกรรมก่อนอาบน้ำ เช่น การออกกำลังกายเบาๆ หรือการได้สะบัดเอาความง่วงออกไปด้วยการฟังเพลง เป็นต้น ซึ่งถ้าตื่นมาก่อนก็จะมีเวลาในการเตรียมตัวที่เพิ่มมากขึ้นนั่นเอง
2. ห้ามจับโทรศัพท์เด็ดขาด!!
ตื่นปุ๊บก็เช็คปั๊บ! เชื่อว่าหลายๆ คนมีอาการนี้อย่างแน่นอน โดยเฉพาะสาวๆ ติดโซเชี่ยลทั้งหลาย ก็ย่อมต้องการเช็คเรตติ้งของตัวเองก่อนอย่างแน่นอน แต่ทางที่ดีแล้วขอแนะนำว่าให้ออกมาห่างๆ โทรศัพท์จะดีกว่าค่ะ เพราะทุกแอปพลิเคชั่น (ยกเว้นนาฬิกาปลุก) ที่อยู่ในมือถือจะทำให้สมองที่ตื่นมาใหม่ๆ มึนหนักมากขึ้นกว่าเดิม สายตาที่ไม่ได้ลืมมาทั้งคืนก็ต้องใช้งานหนักจากการต้องโฟกัสตัวหนังสือที่หน้าจอ และต้องรับแสงสีฟ้าจากจอแบบเต็มๆ อีกด้วย นอกจากนี้ถ้าคุณต้องเจอข่าวร้ายบนหน้าจอโทรศัพท์ คุณจะรู้สึกย่ำแย่หนักมากกว่าเวลาปกติอีกด้วย
3. ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ
การได้ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบตอนตื่นนอน เช่น ฟังเพลงไปด้วยเต้นไปด้วยแบบเบาๆ หรือการได้จิบน้ำอุ่นแล้วยืนมองวิวสวยพระอาทิตย์ขึ้นทางหน้าต่าง เป็นต้น วิธีนี้จะเป็นการปลุกให้ร่างกายและสมองตื่นตัวได้เร็วมากขึ้น โดยใช้เวลาทำสิ่งที่ตัวเองชอบประมาณ 5-10 นาที แล้วก็ไปอาบน้ำตามปกติ เพียงเท่านี้สมองที่ตื่นตัวก็พร้อมรับเรื่องราวและสถานการณ์ต่างๆ ได้อย่างดีเยี่ยมไปตลอดทั้งวัน
การทำง่วงเหงาหาวนอนตลอดขั้นตอนก่อนไปทำงานหรือไปเรียน ถือว่าเป็นการบั่นทอนพลังงานของตัวเอง เพราะร่างกายจะจดจำทุกความคิดและพฤติกรรมในยามเช้าได้แม่นที่สุด จึงไม่น่าแปลกใจนักถ้าวันนั้นคุณเองก็จะห่อเหี่ยวและเชื่องช้าไปตลอดทั้งวันด้วยเช่นเดียวกัน
การทำง่วงเหงาหาวนอนตลอดขั้นตอนก่อนไปทำงานหรือไปเรียน ถือว่าเป็นการบั่นทอนพลังงานของตัวเอง เพราะร่างกายจะจดจำทุกความคิดและพฤติกรรมในยามเช้าได้แม่นที่สุด จึงไม่น่าแปลกใจนักถ้าวันนั้นคุณเองก็จะห่อเหี่ยวและเชื่องช้าไปตลอดทั้งวันด้วยเช่นเดียวกัน
4. ทำตามขั้นตอนของตัวเอง
ควรจัดขั้นตอนในยามเช้าไว้ให้เป็นระเบียบและลุกขึ้นมาทำตามในทุกๆ วัน เพื่อเป็นการฝึกฝนตนเองให้มีวินัยในการใช้ชีวิต ถ้าสามารถทำให้เสร็จสมบูรณ์ตามที่วางแผนเอาไว้และทำได้อย่างสม่ำเสมอ ก็จะยิ่งช่วยให้คุณกลายเป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์และคิดอย่างเป็นขั้นตอนมากยิ่งขึ้น พร้อมที่จะกล้ารับความท้าทายใหม่ๆ และทำให้คุณเกิดความมั่นใจในการเรียนหรือการทำงานมากกว่าเดิมอย่างแน่นอน
เมื่อใดที่คุณเริ่มรู้สึกว่าตื่นเช้ายากมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วคุณก็ปล่อยให้ตัวเองเลยตามเลย กลับไปตื่นสายและเร่งรีบเหมือนเดิม คุณก็จะวนลูปอยู่กับสถานการณ์แบบเดิมๆ ที่ตัวเองเป็น และจมอยู่กับความไม่เป็นระเบียบของชีวิตเหมือนเดิมอีกด้วย
เมื่อใดที่คุณเริ่มรู้สึกว่าตื่นเช้ายากมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วคุณก็ปล่อยให้ตัวเองเลยตามเลย กลับไปตื่นสายและเร่งรีบเหมือนเดิม คุณก็จะวนลูปอยู่กับสถานการณ์แบบเดิมๆ ที่ตัวเองเป็น และจมอยู่กับความไม่เป็นระเบียบของชีวิตเหมือนเดิมอีกด้วย
5. ตั้งเป้าหมายให้ตัวเองก่อนออกนอกบ้าน
การตั้งเป้าหมายให้กับตัวเองในทุกๆ เช้า คือ การบอกตัวเองว่าวันนี้ควรทำอะไรบ้าง เราจะออกไปไหน และเราจะทำมันได้สำเร็จแน่นอน โดยการตั้งเป้าหมายนี้อาจจะจดไว้ก่อนนอนแล้วมาอ่านตอนเช้า หรือพูดกับตัวเองหน้ากระจกก่อนออกจากบ้านทุกวัน วิธีนี้เป็นการเพิ่มความมั่นใจให้กับตัวเอง แต่การตั้งเป้าหมายก็ต้องมีความเป็นไปได้ ไม่ใช่ตั้งเอาซะเวอร์วังในสิ่งที่ตัวเองทำไม่ได้ ควรคิดในเรื่องที่เป็นไปได้และเกี่ยวข้องกับตัวเอง เช่น วันนี้เราจะตั้งใจเรียน หรือวันนี้เราจะไปทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ไปเม้ามอยกับใครให้เสียเวลางานอีก เป็นต้น
เมื่อคุณทำตามเป้าหมายรายวันได้สำเร็จ คุณจะมีความมั่นใจในการผลิตความคิดสร้างสรรค์ของตัวเองได้มากยิ่งขึ้น และสามารถเรียนหรือทำงานได้ดีขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย
เมื่อคุณทำตามเป้าหมายรายวันได้สำเร็จ คุณจะมีความมั่นใจในการผลิตความคิดสร้างสรรค์ของตัวเองได้มากยิ่งขึ้น และสามารถเรียนหรือทำงานได้ดีขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย
6. ตรวจตราให้เรียบร้อย
เมื่อทำทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ใช่ว่าคุณจะสะบัดบ๊อบแล้วออกจากบ้านทันที แต่คุณควรตรวจตราของที่คุณทิ้งไว้ตามที่ต่างๆ ภายในห้องเสียก่อน เช่น ถ้าบนเตียงมีแต่ของเต็มไปหมดก็ควรเก็บออกซะ! เพื่อเวลาที่กลับมาแล้วอยากจะทิ้งตัวลงนอนแบบสบายๆ จะได้ไม่ต้องมารู้สึกเสียอารมณ์กับของที่กระจายเต็มที่นอนไปหมด หรือของใช้ที่เกลื่อนตามพื้นห้องและบนโซฟานั่งเล่น พอกลับมาแล้วเจอของกระจายแบบนี้แล้วคุณนั่งหรือเดินไม่ได้ คุณจะรู้สึกหงุดหงิดใจมากกว่าเดิม 2-3 เท่าเลยทีเดียว
การเก็บของให้เข้าที่จะทำให้คุณรู้สึกว่ากลับมาแล้วห้องจะเรียบร้อย จะทิ้งตัวลงนอน จะหาของใช้ในห้องก็ทำง่ายขึ้น หรือถ้าเพื่อนมาที่ห้องก็ไม่ต้องอายในความรกอีกด้วย
การเก็บของให้เข้าที่จะทำให้คุณรู้สึกว่ากลับมาแล้วห้องจะเรียบร้อย จะทิ้งตัวลงนอน จะหาของใช้ในห้องก็ทำง่ายขึ้น หรือถ้าเพื่อนมาที่ห้องก็ไม่ต้องอายในความรกอีกด้วย
7. เตรียมพร้อมเรื่องเรียน/งาน
❤ อย่าลืมไลค์และแชร์บทความให้กำลังใจเราด้วยนะคะ ❤

อันดับบทความประจำวัน
(หมวดอื่น ๆ)
Variety By SistaCafe

Feature
กิจกรรม SistaCafe