เช็คด่วน! 5 นิสัยเห็นแก่ตัวที่พารักล่ม คู่ของคุณมีไหม?

  ขึ้นชื่อว่าคนรักกัน เวลาที่คบกันถือว่าเป็นช่วงที่สวยงามและมีความสุขมากที่สุด แต่เมื่อใดที่ฝ่ายใด ฝ่ายหนึ่ง เกิดเห็นแก่ตัวขึ้นมา ถึงจะทำตัวเนียนมากขนาดไหน สักวันคนที่อยู่ข้างตัวก็ย่อมต้อมรู้สึกว่าอีกฝ่ายเริ่มไม่แฟร์ ซึ่งปัญหาเห็นแก่ตัวนี้แหล่ะ!! ที่เป็นบ่อนทำลายความรักที่น่ากลัวมากที่สุด เพราะจะเป็นตัวทำให้ฝ่ายที่ต้องทุ่มเทอยู่ฝ่ายเดียว รู้สึกเหมือนตัวเองโดนทำร้ายอยู่ตลอดเวลา

  แน่นอนว่าความรักของบางคนคือความทุ่มเท ก็ต้องแยกแยะให้ออกระหว่างรักกับหลอกลวง ไม่เช่นนั้นฝ่ายที่ทุ่มเทต้องเจ็บและความรักก็จะจบลงไม่สวยเข้าสักวัน ถ้าไม่อยากเป็นคนโดนหลอก หรือกลายเป็นคนที่แสดงพฤติกรรมเห็นแก่ตัวออกมาเอง ลองมาดู 5 นิสัยเห็นแก่ตัวที่พารักล่มที่คุณควรเช็คด่วน!! มาฝากกันค่ะ 

ความรักไม่จำเป็นต้องมีเงื่อนไขใดๆ แต่สำหรับคนเห็นแก่ตัวมักจะมีเงื่อนไขในการอยู่ร่วมกันเสมอ และเงื่อนไขนั้นก็ค่อนข้างเอื้อประโยชน์ให้กับตัวเองมากกว่า ซึ่งในความเป็นจริงแล้วความรักต้องคือการเสียสละ และการประนีประนอมกัน แต่คนที่มีความเห็นแก่ตัวจะไม่คิดแบบนี้ โดยจะออกอาการ คือ 

- ต้องขออนุญาตก่อนทำอะไร ซื้ออะไร หรือใช้จ่ายเงินอยู่เสมอ ทั้งที่เงินนั้นเป็นเงินของเราเอง
- ตัดสินใจแทนอีกคนในทุกๆ เรื่อง ไม่ว่าจะออกไปเที่ยว ดูหนัง หรือแม้แต่ออกไปทานอาหารกับเพื่อนๆ 
- ความคิดส่วนตัวของเรามักถูกปฏิเสธอยู่เสมอ และถูกละเลย พูดอะไรไม่ได้ มักจะโดนว่าแบบแรงๆ 

คนรักหรือตัวคุณเองมีอาการเหล่านี้หรือไม่? ถ้ามีต้องรีบปรับด่วนๆ เพราะนี่คือความเห็นแก่ตัวที่แสดงออกมาอย่างชัดเจนมาก จนสักวันต้องเกิดปัญหาอย่างแน่นอน

การสื่อสารระหว่างคนรักจะต้องมีความเป็นเพื่อน เป็นคนที่เข้าใจกันมากที่สุด และสามารถที่จะรับฟังในทุกๆ เรื่องอย่างไว้ใจได้ แต่สำหรับคนที่มีความเห็นแก่ตัวแล้ว จะไม่ค่อยรับรู้ว่าฝ่ายตรงข้ามคิดอะไร คิดแบบไหน ไม่สนใจจะรับฟังปัญหา และในบางเหตุการณ์ก็จะดูถูก ซ้ำเติม เสียด้วยซ้ำ แถมในบางครั้งก็พูดว่าให้คนรักรู้สึกขายหน้าต่อหน้าคนอื่นอีกด้วย ไม่มีการให้เกียรติซึ่งกันและกัน แสดงให้เห็นถึงความรักที่ไม่เคารพกันแม้แต่น้อย และกลายเป็นการดูหมิ่นคนรักตัวเองมากกว่า ทั้งนี้รวมไปถึงการนำเอาคนรักไปวิจารณ์ในเชิงลบ แล้วหัวเราะเยาะเย้ยคนรักของตัวเองกับเพื่อนๆ หรือคนรู้จัก ที่ถือว่าไม่ใช่เรื่องตลกหรือขำขัน แต่เป็นการไม่เกียรติกันมากกว่านะคะ
  

ถ้าความรักคือความความทุ่มเท คนทั้ง 2 คน ร่วมกันทุ่มเทเพื่อความรัก สร้างอนาคตไปด้วยกัน ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมากๆ แต่ถ้าเกิดความสัมพันธ์นั้นขาดความพยายามจากฝ่ายใด ฝ่ายหนึ่งขึ้นมาก็คงไม่ดีแน่ เช่น ถ้าเราเป็นเพียงคนเดียวที่ทุ่มเททั้งความรัก เงิน เวลา และการกระทำ เพื่อให้ความรักกลายเป็นเรื่องที่ดีต่อคนรัก แต่ถ้าความพยายามนี้ไม่ได้อะไรกลับมาเลยแม้แต่น้อย เราก็จะเริ่มคิดแล้วว่า " ทำไปเพื่ออะไร " แถมฝ่ายคนรักก็ไม่มีอาการทุ่มเทอะไรให้เห็น ยังคงใช้ชีวิตเหมือนเดิมและเบียดเบียนเรามากกว่าเดิม แบบนี้เรียกว่าเห็นแก่ตัว อย่ารอให้เรื้อรัง โบกมือลาเถอะค่ะ

การไม่บ่งบอกถึงสถานะเป็นเรื่องที่ทำให้เห็นชัดเจนมากๆ ว่าอีกฝ่ายไม่บริสุทธิ์ใจและเห็นแก่ตัวกับความสัมพันธ์อย่างมาก ทั้งๆ ที่เวลาอยู่ด้วยกันก็ยอมรับว่าความสัมพันธ์เป็นคนรัก แต่พอมานอกบ้าน มาเจอเพื่อน หรือแม้แต่ในโซเชี่ยลต่างๆ กลับตั้งสถานะว่าโสด ทำตัวสบายๆ เหมือนเราไม่ได้เป็นอะไรกัน แถมเวลาเจอกันนอกบ้านก็ใช้คำพูดที่เหมือนเพื่อนหรือคนรู้จักกันมากกว่าคนรัก อาการนี้แสดงให้เห็นว่าเขาไม่ได้ต้องการความสัมพันธ์แบบคนรักจากเราจริงๆ แบบนี้เราจะอดทนทำไม เอาเวลาไปพิจารณาคนอื่นจะดีกว่าค่ะ 

เรื่องเจ้าชู้ถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่น่าให้อภัยเลยเสียด้วยซ้ำ แต่บางคู่ด้วยความที่รักอีกฝ่ายมากกว่า ต่อให้จับได้อย่างมากก็แค่ทะเลาะกัน ดีไม่ดีก็ไปตามรังควาญบรรดากิ๊กๆ แทน โดยไม่ยอมจัดการตัวต้นเหตุ ดังนั้นเรื่องที่ไม่ตลกเลยคือการที่คนรักเจ้าชู้แล้วเราก็ดันจับได้บ่อยครั้งมากๆ ซึ่งพฤติกรรมนี้คือ ความไม่ซื่อสัตย์และไม่ให้เกียรติกัน ยิ่งถ้าตัวเราไปรังควาญคนอื่นแทนที่จะจัดการคนของตัวเอง คุณค่าของเราก็จะยิ่งลดต่ำลง และกลายเป็นเหยื่อของคนรักไปในที่สุด คนรักในลักษณะนี้ถือว่าเห็นแก่ตัวอย่างร้ายแรง ทางที่ดีที่สุดก็ควรอยู่ให้ห่างเข้าไว้ จะได้ไม่ต้องมานั่งช้ำใจรายวันค่ะ

ความรักเป็นเรื่องไม่ยาก แต่เราก็ต้องมีวิจารณญาณที่จะเรียนรู้เรื่องที่ถูกต้องควบคู่ไปด้วย และจงจำไว้ว่าความรักที่ดีคือการเสียสละ การประนีประนอม และการทุ่มเทไปพร้อมกัน ไม่ใช่หน้าที่ของฝ่ายใด ฝ่ายหนึ่งเท่านั้น ไม่เห็นแก่ตัว ซึ่งถ้าทั้ง 5 นิสัยนี้มีมากไป แสดงว่าคนรักมีความเห็นแก่ตัวที่แทบไม่ได้นึกถึงเราเลยเสียด้วยซ้ำ ทางแก้ที่ดีที่สุดก็คือ คุยกันให้เข้าใจ ห่างกันสักพัก และถ้าไม่ไหวก็คงต้องเลิกรากันไป แล้วเอาเวลาไปมองหาคนที่เหมาะสมก็จะดีที่สุดค่ะ