มาที่ "StoryLine" จะทำอะไรก็ได้ ทำงานก็ง่าย จะทานอะไรก็อร่อย นี้มันถูกจริต Lifestyle คนรุ่นใหม่อย่างเราจริงเชียว! ความไฉไลของคาเฟ่ สุขุมวิท 39 แห่งนี้ ใครไม่มาเรียกว่าเอ้าท์!

เลือกอ่านตามหัวข้อ
Work friendly cafe Eat-Talk-Work @ StoryLine คาเฟ่ สุขุมวิท 39
Variety Main course @ StoryLine คาเฟ่ สุขุมวิท 39
Raw dessert @ StoryLine คาเฟ่ สุขุมวิท 39
กินหนักแบบนี้เดี๋ยวจะติดคอ เสิร์ฟเครื่องดื่มกันหน่อย
Modern Casuals & warm style @ StoryLine คาเฟ่ สุขุมวิท 39
คาเฟ่ สุขุมวิท ยังมีอีกเพียบนะจ๊ะ
ชวนกันอ้วนตล๊อดตลอด! อ่ะสาวๆ SistaCafe อย่าเพิ่งเจ็บแค้นเคืองโกรธกันไป เพราะงานนี้พี่ก็จัดมาให้อีกแล้ว ( ยิ้มมุมปาก )
สำหรับวันนี้ขอเอาใจชาว freelance ที่มองหาพื้นที่นั่งทำงานสบายๆ ซะหน่อย สะพายกระเป๋าแบกกล้องบุกมาถึง คาเฟ่ สุขุมวิท ที่มีชื่อว่า " StoryLine " พิกัดกลางเมืองซอย สุขุมวิท 39 จะหยิบ notebook มากางลุยงาน หรือสั่งอาหารมานั่งเม้ามอยกะเกิร์ลแก๊งก็ย่อมได้ มาที่นี่คือร้านเดียวเอาอยู่!
[storyline คาเฟ่ สุขุมวิท 39] ตัวร้านตกแต่งเรียบง่ายไม่หวือหวา แต่ให้บรรยากาศอบอุ่น นั่งสบายๆ แบบไม่เกร็ง
ต้องออกปากก่อนว่า " StoryLine " คือคาเฟ่รูปแบบใหม่ที่แตกต่างจากคาเฟ่ในย่านสุขุมวิทมาไกลเลยทีเดียวค่ะ ความต่างในที่นี้ไม่ใช่เรื่องหน้าตาของตัวร้านหรืออาหาร แต่เป็นเรื่องราวและคอนเซ็ปต์ที่ คุณหมู สมิทธ์ สุรบถโสภณ เจ้าของร้านคนเก่งซ่อนเอาไว้ นั่นก็คือการเป็น co-working space + cafe ที่เรียกง่ายๆ ว่า work friendly cafe

Storyline ซอยพร้อมศรี 1 สุขุมวิท 39


เครดิตการ์ด, เงินสด

06-2941-5615


08.30-21.30 น.
การเดินทางมายัง storyline เพื่อนๆ สามารถนั่ง BTS มาลงสถานีพร้อมพงษ์ ใช้ทางออกที่ 3 แล้วเดินตรงมายังซอยสุขุมวิท 39 แล้วโบกพี่วิน หรือรถซูบารุมาจะสะดวกกว่าค่ะ เพราะเดือนเกือบกิโลฯ เลยทีเดียว ปล.ใครที่ขับรถมาเองทางร้านมีที่จอดรถให้นะคะ
Work friendly cafe Eat-Talk-Work @ StoryLine คาเฟ่ สุขุมวิท 39
คุณหมูเล่าให้เราฟังว่าได้ไอเดียนี้มาจากการทำงานจริงของตนเองค่ะ เพราะการประกอบธุรกิจในด้าน branding agency ทำให้เห็น lifestyle การทำงานของคนรุ่นใหม่ที่เปลี่ยนไป
หลายคนเลือกที่จะนั่งทำงานหรือนัดคุยงานตามคาเฟ่หรือ co-working space แทนการนั่งในออฟฟิศแบบเดิมๆ เพราะนอกจากจะได้บรรยากาศที่ดีขึ้นแล้ว ไอเดียใหม่ๆ ยังผุดขึ้นตามมาได้อีกด้วย จึงทำให้คุณหมูตัดสินใจแบ่งพื้นที่ชั้นล่างของออฟฟิศมาเปลี่ยนเป็นคาเฟ่ สุขุมวิท แห่งนี้ และเป็นจุดเริ่มต้นของไอเดียเก๋ๆ ของ " StoryLine " นั่นเองค่ะ
[storyline คาเฟ่ สุขุมวิท 39] ชั้น 2 เป็นมุมที่ไว้รองรับคนที่มานั่งทำงานโดยเฉพาะเลยค่ะ มีโต๊ะให้เลือกหลายมุม แถมยังมีปลั๊กไฟไว้บริการอีกด้วยนะ
มาขยายความถึง work friendly cafe กันสักหน่อย อาจบอกได้ว่ามันคือกึ่งกลางระหว่างคาเฟ่และ co-working space โดยทุกคนสามารถนั่งทำงานได้ ทางร้านมีปลั๊กไฟ, wifi ฟรี และห้องประชุมไว้คอยบริการ จะนั่งนานแสนนานยันร้านปิดก็ไม่โดนไล่
แถมยังสามารถสั่งเครื่องดื่มและอาหารมาทานไปทำไปได้โดยไม่มีข้อห้าม ไม่ strict เกินไปเหมือนรูปแบบการใช้งาน co-working space เป็นการนำความยืดหยุ่นของคาเฟ่มาปรับใช้ร่วมกัน ตอบโจทย์ชาว freelance และคนรุ่นใหม่ซึ่งต้องทำงานได้ทุกที่แบบเราๆ สุดๆ ไปเลยเนอะ
Variety Main course @ StoryLine คาเฟ่ สุขุมวิท 39
[storyline คาเฟ่ สุขุมวิท 39] ยั่วเข้าไป เอาให้น้ำลายไหลกันไปข้าง นี่แค่ของคาว ยังไม่รวมของหวานนะขอบ๊อกก
เอาจริงๆ เราเซอร์ไพรส์กับเมนูและรสชาติอาหารของ " StoryLine " มากทีเดียว เพราะต้องเข้าใจระดับหนึ่งว่าร้านสำหรับทำงานไม่เน้นกินแนวนี้ อาหารมักจัดมาแบบง่ายๆ จานด่วน จานเดี่ยว ทานไว และพอกินได้ประมาณหนึ่ง
แต่ คาเฟ่ สุขุมวิท แห่งนี้เขาจริงจังทั้งเรื่องงานและเรื่องกินเลยค่ะซิส เมนูมีความหลากหลาย นานาชาติเวอร์ หน้าตาดีเทียบชั้น restaurant จะญี่ปุ่น อิตาเลี่ยน ฟิวชั่น หรือแม้แต่ขนมนมเนยคือพร้อมสรรพ แต่ทั้งหมดทั้งมวลคือไม่ได้ทานยาก ยังอยู่ในรูปแบบที่สามารถทานไปทำงานไปได้สบายๆ เคี้ยวไปคิดไป ท้องอิ่มสมองแล่นแน่นอน
อ่ะๆ อย่ารอช้า ผายมือเชิญ เตรียมกระดาษเช็ดน้ำลายมุมปากไว้สักหน่อย เตือนอีกครั้งว่าจัดเต็มจริงๆ ><
[storyline คาเฟ่ สุขุมวิท 39] สำหรับใครที่เป็นทาสแซลมอน รักการกินชูชิเป็นชีวิตจิตใจต้อง Aburi double salmon roll ( 290 บาท ) roll แซลม่อนเน้นๆ เนื้อแน่นเต็มคำรสชาติอร่อยแบบญี่ปุ่นแท้ๆ เมนูนี้การันตีความฟิน
[storyline คาเฟ่ สุขุมวิท 39] เมนูเส้นทานง่ายอย่างสปาเก็ตตี้กับ ebiko nori spagetti ( 240 บาท ) จานนี้ฟิวชั่นความเป็นญี่ปุ่นลงไปด้วยการท็อปด้านบนด้วยสาหร่ายและไข่กุ้งพูนๆ คลุกเคล้ากับน้ำซอสปรุงรสสูตรเฉพาะ มีความเป็นวิปปิ้งครีมเบาๆ แต่ไม่เลี่ยนสักนิดเดียว
[storyline คาเฟ่ สุขุมวิท 39] สำหรับใครที่รักสุขภาพต้องลอง smoked salmon salad w sour cream caper ( 280 บาท ) เนื้อแซลมอนแผ่นใหญ่และเยอะมากกกกก กินคู่กับผักสลัดสดๆ ในซอสครีมเปรี้ยวรสกลมกล่อม จานนี้อิ่มและไม่อ้วน
[storyline คาเฟ่ สุขุมวิท 39] ปิดท้ายของคาวด้วยอีกหนึ่งเมนูสปาเก็ตตี้กับ grilled chicken pesto spagetti ( 240 บาท ) เนื้ออกไก่แบบคลีนๆ เสิร์ฟคู่กับสปาเก็ตตี้เส้นสีเขียวจากการผัดกับซอสโหระพา มีกลิ่นหอมรวมถึงรสชาติเผ็ดเล็กๆ ของพริกไทยและเครื่องเทศ
Raw dessert @ StoryLine คาเฟ่ สุขุมวิท 39
กินคาวแล้วโบราณว่าหวานต้องมาอย่าให้ขาด ทางด้านของหวาน " StoryLine " เขาก็มีเมนูใหม่ เป็นเค้กสูตรลับเฉพาะคนรักสุขภาพที่เรียกว่า Raw dessert นั่นก็คือการทำขนมโดยไม่ผ่านกระบวนการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการ อบ นึ่ง เชื่อม ฯลฯ แต่เป็นการใช้วัตถุดิบสดๆ ทำให้เป็นเค้กหนึ่งชิ้น
บอกเลยว่าสดใหม่และได้รสอร่อยแบบธรรมชาติจากวัตถุดิบนั้นจริงๆ เลยค่ะ

อันดับบทความประจำวัน
(หมวดท่องเที่ยว/คาเฟ่)
Variety By SistaCafe

Feature
กิจกรรม SistaCafe