พี่ซาโตะบอกว่าปกติแล้วช่วง 11.00-14.00 น. จะเป็นช่วงของ Training Session สำหรับคนที่เลี้ยงกระต่ายแล้วมีปัญหา หรือเป็นช่วงให้คำปรึกษาสำหรับคนที่อยากเริ่มเลี้ยงแต่ไม่รู้จะเริ่มตรงไหนนั่นเอง ส่วนใหญ่ก็จะติดต่อกันเข้ามาล่วงหน้าแล้วนัดเป็นกลุ่มมานั่งคุยนั่งปรึกษาหารือกัน ช่วยกันให้คำแนะนำถึงวิธีที่ถูกต้อง และเมื่อเสร็จช่วงนี้แล้วก็จะเริ่มรับลูกค้าตั้งแต่ช่วงบ่ายสองเป็นต้นไปค่ะ

ซึ่งจากการพูดคุยกัน พี่ซาโตะบอกว่าที่นี่จะเน้นสอนในเรื่องของความรู้สึกและการเลี้ยงกระต่ายโดยให้ความสำคัญกับรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นการให้อาหาร การออกแบบพื้นที่เลี้ยง หรือแม้กระทั่งทำไมถึงต้องให้น้องๆ อยู่ในกรงตลอดเวลาแบบนี้! ทำไมล่ะคะ ทำไมไม่ปล่อย น้องๆ ออกมาวิ่งเล่น! ไม่กลัวน้องๆ เบื่อหรือคับแคบหรอ? ไม่กลัวเค้าอึดอัดหรอ?? ( สารพัดคำถามเกิดขึ้นในหัวเพิร์ลเลยล่ะค่ะ งานนี้ต้องถามให้เป็นความรู้ซะแล้ว! )

ที่คาเฟ่ Bunny Sweet Home แห่งนี้เค้าเปิดมากว่า 4 ปีแล้วค่ะ แต่จุดตั้งต้นของการทำคาเฟ่ก็ไม่ได้เหมือนใครที่ไหน เพราะพี่ซาโตะเค้าไม่ได้ตั้งใจทำธุรกิจตั้งแต่แรกนั่นเอง! พี่ซาโตะบอกเราว่าถ้าไม่มีลูกค้าก็ไม่เป็นไร เพราะนั่นก็คือเวลาที่เราจะได้ใช้เวลากับเด็กๆ คอยฝึกฝนเค้าแทนยังไงล่ะ อื้อหือ.. ไม่รักจริงทำไม่ได้นะคะเนี่ย

โดยนิสัยของกระต่ายแล้วเพื่อนๆ ต้องรู้ไว้ก่อนเลยนะคะว่ากระต่ายเป็นสัตว์ที่เกิดมาเพื่อเป็นอาหาร ดังนั้นตามธรรมชาติแล้วเค้าจะอาศัยอยู่ในโพรง โดยจะออกมาหาอาหารในเวลากลางคืนเพื่อจะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อของนักล่าต่างๆ นั่นเอง และแม้ว่าสำหรับกระต่ายที่เราเลี้ยงกันอยู่นี้จะมีการดัดแปลงพันธุกรรมเพื่อเป็นสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะ แต่พื้นฐานนิสัยก็ยังเหมือนเดิม ดังนั้นเค้าจึงไม่ได้ต้องการพื้นที่กว้างๆ ไว้วิ่งเล่นเหมือนอย่างหมาแมว

ยิ่งพื้นที่สำหรับวิ่งเล่นของน้องๆ กว้างใหญ่ก็จะยิ่งทำให้เค้าระวังตัวมากขึ้น ส่งผลต่อการนอนคือนอนน้อยลง เกิดอาการเครียดและกลายเป็นสาเหตุทำให้เค้าก้าวร้าว สาเหตุนี้นี่เองเราจึงเห็นบ้านของน้องๆ กระต่ายเป็นกรงขนาดไม่ใหญ่นัก ทั้งนี้ก็เพื่อให้เค้ารู้สึกปลอดภัยนั่นเองค่ะ 

ขยับมาในส่วนของสนามเด็กเล่นของน้องๆ กระต่ายกันบ้าง อย่างที่เราบอกไปว่าเรามักเห็นหลายๆ ร้านปล่อยให้เด็กๆ วิ่งเล่นกับลูกค้าไปทั่วร้าน แต่ที่นี่เค้าจะให้ลูกค้ามาเล่นกับน้องๆ แค่ในห้องนี้เท่านั้นเพื่อทั้งเป็นการฝึกให้เค้าอยู่เป็นสัดส่วน และอยู่ในพื้นที่ที่ปลอดภัยของพวกเค้าเองด้วย

อ้อๆ ขออวดอีกนิดนึงว่าทั้งในส่วนของร้านนี้และส่วนที่เป็น playground หรือสนามเด็กเล่นของน้องๆ กระต่ายเนี่ยพี่ซาโตะเค้าออกแบบเองเลยนะ แล้วไม่ได้คำนึงถึงแค่ความสวยงามเท่านั้นนะจ๊ะ แต่มีการคำนวณอัตราส่วนไว้ตามขนาดตัวของกระต่ายด้วย 

ส่วนของอาหาร หลายคนมักคิดว่ากระต่ายต้องกินแครอท! กระต่ายต้องกินผักบุ้งสด! ซึ่ง... ผิด ผิด ผิด นะคะคุณ!! ไม่เอาค่ะ มาทำความเข้าใจใหม่ สิ่งที่กระต่ายกินได้นอกจากอาหารเฉพาะของเค้าแล้วก็คือหญ้าแห้งหรือแครอทอบแห้งนั่นเอง นอกจากการระวังอาหารแล้วก็จะสักแต่ให้ไม่ได้นะคะ เพราะต้องคำนวณถึงปริมาณในการให้ด้วย เพราะอาหารทุกอย่างก็มีปริมาณพลังงานไม่เท่ากันเนาะ มากไปน้อยไปก็ดีทั้งนั้น ท้องเสีย อึเหม็น แย่เลย - -" ถ้ารักเค้าก็ต้องให้ความสำคัญในรายละเอียดส่วนนี้ด้วยนะคะ

1. ไม่ว่าจะเกิดปัญหาอะไร ห้ า ม !!! GOOGLE  เ ด็ ด ข า ด !!!

สิ่งที่มีอยู่ในกูเกิ้ลคือการบอกปากต่อปากกันมา เราบอกไม่ได้หรอกนะว่าใครรู้จริง รู้ไม่จริง ดังนั้นจึงไม่ควรเสี่ยงเอาความรู้ที่ไม่แน่นอนมาใช้กับเด็กๆ ของเราเลยนะคะ

2. อย่าคิดแทนน้องๆ เ ด็ ด ข า ด !!!

อย่าคิดแทนยังไง? เช่น อยากให้เค้ามีที่กว้างๆ จะได้วิ่งได้อย่างอิสระเหมือนเราวิ่งในทุ่งหญ้าลาเวนเดอร์ หรือต้องกินเยอะๆ จะได้อิ่มๆ หรือต้องอาบน้ำจะได้สะอาดๆ เหล่านี้คือสิ่งที่เราคิดแทนทั้งนั้น ทั้งๆ ที่กระต่ายไม่ควรอยู่ในพื้นที่กว้างไม่งั้นจะเครียด หรือต้องกินพอดีๆ พลังงานพอดีกับตัว จะได้ไม่มีปัญหาในท้อง หรือไม่ต้องอาบน้ำกระต่ายเพราะเค้าไม่มีต่อมเหงื่อเหมือนเรา จึงไม่สกปรกตราบใดที่ให้เค้าอยู่พื้นที่ที่สะอาดค่ะ 

3. ศึกษาข้อมูลจากสัตวแพทย์โดยตรงจะดีที่สุดนะจ๊ะ

สิ่งที่พี่ซาโตะแนะนำมาคือนำปัญหาของเราไปปรึกษาสัตวแพทย์โดยตรงเลยคือสิ่งที่ดีที่สุดที่คนเลี้ยงกระต่ายควรทำ เพราะหมอเค้าเรียนมา เค้าจะสามารถบอกสิ่งที่ถูกต้องให้กับเราได้แน่นอน 

ทั้งนี้ทั้งนั้นการเลี้ยงกระต่ายที่ดี ผู้เลี้ยงควรต้องศึกษาและทำความเข้าใจลักษณะนิสัยของน้องๆ ให้ดีก่อนเลี้ยงจะเป็นการดีที่สุดค่ะ เพื่อให้เค้าอยู่กับเราไปนานๆ นั่นเอง!