5 อาชีพเสริมสุดเจ๋ง "ทำเงิน" ที่วัยรุ่น "ทำได้" ในระหว่างเรียน

สวัสดีค่ะสาวๆ Sistacafe ทุกคน

ตอนนี้ก็คงจะอยู่ในช่วงเปิดเทอมกันแล้วใช่มั้ยคะสาวๆ เปิดเทอมแบบนี้หลายคนก็อาจจะกำลังมองหา งานพิเศษ หรือ อาชีพเสริม เพื่อ หารายได้ เป็นของตัวเองใน ระหว่างเรียน  เพื่อนำเงินไปใช้สานต่อความฝัน บ้างอาจจะอยากเก็บเงินไว้สำหรับทริปท่องเที่ยวในฝัน บ้างอาจจะเอาไว้ซื้อของที่อยากได้ หรือบางคนอาจจะเก็บเงินไว้สำหรับการศึกษาต่อในอนาคต ซึ่งทุกคนก็ล้วนมีเหตุผลและเป้าหมายความฝันเป็นของตัวเองกันทั้งนั้น

วันนี้เราจึงมาแนะนำ 5 อาชีพเสริมที่วัยรุ่นวัยฝันอย่างเราสามารถทำได้จริงในระหว่างเรียน อยากรู้ว่ามีอาชีพอะไรบ้าง ไปดูกันเลยค่า ^0^

งาน พาร์ทไทม์ เป็นหนึ่งในอาชีพเสริมสุดฮิตที่นักเรียนนักศึกษาหลายคนเลือกทำเพื่อหารายได้พิเศษ ลักษณะของงาน พาร์ทไทม์ นั้นมีข้อดีตรงที่เราสามารถเลือกเวลาทำงานเองได้และในแต่ละวันก็จะทำงานอย่างน้อย 4-8 ชั่วโมง หากวันไหนมีเรียนหนักก็อาจจะเลือกทำเป็นช่วงเย็นหลังเลิกเรียน แต่ถ้าหากวันไหนเลิกเรียนเร็วหรือเป็นวันหยุดเสาร์ อาทิตย์ เราก็สามารถทำงานได้มากขึ้น

ซึ่งอัตราจ้างของงาน พาร์ทไทม์ ส่วนใหญ่จะคิดเป็นรายชั่วโมง เฉลี่ยอยู่ 40-60 บาท/ชั่วโมง หรือบางที่อาจจะให้เป็นเงินเดือน ซึ่งก็จะขึ้นอยู่กับสถานประกอบการนั่นเองค่ะว่าจะให้อัตราจ้างเท่าไหร่ และนอกจากค่าจ้างในอัตราปกติแล้ว หากวันไหนเราได้ทำโอทีหรือทำงานตรงกับวันหยุด อัตราจ้างต่อชั่วโมงก็จะสูงขึ้นไปอีกด้วย

งาน พาร์ทไทม์ ที่เราสามารถทำได้ อย่างเช่น ร้านอาหารในห้างสรรพสินค้า รวมไปถึงร้านเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า เครื่องสำอางของแบรนด์ต่างๆ ก็จะมีรับสมัครพนักงาน พาร์ทไทม์อยู่บ้างเช่นเดียวกันค่ะ นอกจากนี้ก็จะมีประเภทงานร้านสะดวกซื้อ ร้านถ่ายเอกสาร ร้านอินเตอร์เน็ต ร้านเช่าหนังสือและร้านขายสินค้าทั่วไป ก็มักจะมีการจ้างพนักงาน พาร์ทไทม์เพื่อให้ช่วยดูแลร้านและทำงานในร้านด้วยค่ะ

ถ้าหากว่าใครชอบงาน พาร์ทไทม์ ก็ลองเลือกงานที่สนใจและเข้าไปสมัครกับร้านค้าหรือสถานประกอบการนั้นๆได้เลยค่ะ โดยการสมัครงานทั่วไป ก็จะมีให้เขียนใบสมัคร และบางที่อาจจะมีการสัมภาษณ์ด้วย ซึ่งเราอาจจะได้ทราบผลทันที หรือทางสถานประกอบการจะติดต่อกลับมาในภายหลังค่ะ

สำหรับวัยรุ่นที่รักการ ทำอาหารหรือทำขนม เป็นชีวิตจิตใจ และพอมีฝีมือในการรังสรรค์ปรุงแต่งรสชาติอาหารให้ถูกปากคนทาน อาชีพนี้เหมาะเป็นอย่างยิ่งเลยค่ะ โดยอาจจะเลือกทำเป็น ข้าวกล่อง อย่างเช่น อาหารคลีนเพื่อสุขภาพที่กำลังเป็นที่นิยม หรือจะทำเป็น ขนมหวาน เบเกอรี่ อย่าง บราวนี่ คัพเค้ก เครปเย็น ก็ได้หมดเลยค่ะ ขึ้นอยู่กับฝีมือและความถนัดของแต่ละคน

ซึ่งถ้าหากเป็นคนที่ทำอาหารและขนมอยู่เป็นประจำและมีอุปกรณ์อยู่แล้วก็สามารถทำได้เลย โดยอาจจะต้องเริ่มลงทุนซื้อวัตถุดิบมาก่อนแล้วคิดต้นทุนกำไร ซึ่งราคาสินค้าไม่ควรจะสูงจนเกินไปนะคะ เฉลี่ยอยู่ที่ 20-50 บาท/ชิ้น เพราะเป็นราคาที่ทุกคนสามารถซื้อได้

และถ้าอยากให้อาหารหรือขนมของเราขายดี ."การโปรโมท" ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมากเช่นเดียวกันค่ะที่จะช่วยเพิ่มยอดขาย ซึ่งเราสามารถใช้โซเชียลมีเดียเป็นสื่อในการทำการตลาดได้ อย่างเช่น การโพสต์รูปภาพอาหารและขนมที่เราทำขาย เขียนแคปชั่นเก๋ๆ บอกรายละเอียดรวมถึงราคาของสินค้าให้ชัดเจน แต่ต้องไม่ยาวจนเกินไปนะคะ เพราะจะทำให้สินค้าดูไม่น่าสนใจ

ถามว่าทำแล้วจะเอาไปขายที่ไหน?? ง่ายมากเลยค่ะ เพราะเราใช้โซเชียลเป็นสื่อในการโปรโมท ถ้าหากมีคนสนใจก็จะสั่งสินค้ากับเราได้ หรือจะใช้วิธีติดต่อร้านค้าขอนำขนมหรืออาหารของเราไปวางขาย โดยตกลงส่วนแบ่งหรือค่าเช่าที่กับร้านค้านั้นๆ ซึ่งร้านค้าที่เราไปติดต่ออาจจะเป็นร้านกาแฟหรือร้านขายของในคณะหรือมหาวิทยาลัยก็ได้นะคะ ถ้าหากเป็นน้องๆ นักเรียน อาจจะนำไปขายที่สหกรณ์โรงเรียนก็ได้เหมือนกันค่ะ ถ้าเรามีฝีมือ รับรองได้เลยว่าสินค้าของเราต้องขายดีแน่นอนค่ะ 

Shopping Online คงเป็นอะไรที่สาวๆ ชื่นชอบกันใช่มั้ยล่ะคะ แต่จะดีกว่ามั้ยถ้าหากเราผันตัวจากนักช็อปมาเป็น แม่ค้าออนไลน์ เองซะเลย ถ้าหากสาวๆ อยากจะ ขายของออนไลน์ ต้องเริ่มจากการหาสินค้าที่ตัวเองชื่นชอบหรือสนใจมาวางขาย ซึ่งอาจจะเลือกมาจากความชอบส่วนตัวก็ได้นะคะ เพราะอะไรที่เราชอบ เรามักจะอินกับมัน ทำให้เรามีความตั้งใจและสามารถให้รายละเอียดของสินค้าได้ดี

อย่างเช่น ใครชื่นชอบศิลปินเกาหลี อาจจะขายเป็นของที่ระลึกของศิลปินเกาหลีก็ได้ค่ะ แต่ถ้าใครไม่มีไอเดียหรือไม่มีสินค้าที่สนใจเป็นพิเศษอาจจะลองขายเป็นกลุ่มสินค้าที่คนทั่วไปใช้ในชีวิตประจำวันก็ได้นะคะ อย่างเช่น เครื่องแต่งกาย เครื่องเขียน ซึ่งสินค้าเหล่านี้เป็นสินค้าที่ใช้ในชีวิตประจำวัน คนซื้อมีอยู่ตลอด ทำให้สินค้าสามารถขายได้ตลอดนั้นเองค่ะ

การ ขายของออนไลน์ จำเป็นต้องมีการลงทุนสำหรับผู้เริ่มต้น หากใครมีทุนทรัพย์หน่อยก็อาจจะลงทุนเอง แต่ถ้าหากใครทุนน้อย อาจจะเริ่มจากการเป็นตัวแทนของร้านค้าออนไลน์ใหญ่ๆ ก่อนก็ได้เหมือนกันค่ะ เมื่อเรามีเงินทุนแล้วก็จะสามารถนำเงินมาลงทุนเองได้ ซึ่งรายได้จากการขายของออนไลน์นั้นขึ้นอยู่กับความขยันในการอัพเดตสินค้า การโพสต์รูปและข้อความเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้สินค้าของเราขายได้ รวมไปถึงกระแสนิยมของตัวสินค้าเองก็มีส่วนที่จะทำให้สินค้าขายได้หรือไม่ได้เช่นกันค่ะ

ดังนั้นหากใครสนใจอยากที่จะทำอาชีพ ขายของออนไลน์ ก็ควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดและต้องอาศัยความอดทน เพราะในระยะแรกร้านเรายังไม่เป็นที่รู้จัก อาจจะยังมีลูกค้าน้อย เราจึงต้องหมั่นอัปเดตสินค้า โพสต์รูปและข้อความอย่างสม่ำเสมอ เมื่อเริ่มมีคนรู้จัก สินค้าของเราก็สามารถขายได้มากยิ่งขึ้นนั้นเองค่ะ

งานสอนพิเศษ เป็นงานที่ทุกๆ คนสามารถทำได้ค่ะ ถ้าหากเรามีความถนัดหรือเก่งด้านใดด้านหนึ่งเป็นพิเศษ เราก็สามารถนำมาสอนให้กับคนอื่นได้อย่างเช่น สอนวิชาที่เรียนในโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัย  สอนเล่นดนตรี สอนวาดรูป โดยอาจจะรับสอนเป็นกลุ่มเล็กๆ หรือรับสอนเป็นคอร์ส แล้วแต่ว่าเราจะจัดการเรียนการสอนของเราออกมาในรูปไหน ซึ่งอาจจะต้องมีการจัดระยะเวลาและเนื้อหาการสอนให้เหมาะสมและตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมาย อย่างเช่น เป็นคอร์สสำหรับเตรียมสอบหรือเป็นคอร์สสำหรับทบทวนและเพิ่มความรู้ เป็นต้น

ในส่วนของรายได้ เราสามารถคิดค่าเรียนจากผู้เรียนได้ โดยที่ตั้งราคาไม่สูงเกินไปนัก เช่น 1 คอร์ส 30 ชั่วโมง 2,000 บาท/คน ซึ่งใน 30 ชั่วโมงนี้เราสามารถจัดการเรียนการสอนได้ตามความเหมาะสม อาจจะแบ่งเป็นสอนวันละ 2 ชั่วโมงหรือสอนเฉพาะวันเสาร์ อาทิตย์ ขึ้นอยู่กับความสะดวกของผู้เรียนและผู้สอนได้ตกลงกันค่ะ

มาถึงงานสุดท้ายที่เรานำมาเสนอกันในวันนี้นะคะ นั้นก็คือ นักเขียน นั้นเองค่ะ หลายคนอาจจะสงสัยว่าเขียนยังไง แล้วฉันจะเขียนได้เหรอ ซึ่งจริงๆ แล้วทุกคนมีพื้นฐานการเขียนกันมาจากการเรียนทั้งในโรงเรียนและมหาวิทยาลัย ดังนั้นถ้าหากจะเขียนงานขึ้นมาสักหนึ่งงานก็สามารถทำได้แน่นอนค่ะ

เราสามารถเป็น นักเขียน ได้โดยเขียนงานผ่านทางบล็อคของเว็บไซต์ต่างๆ ที่รับสมัคร
นักเขียน หรือเราจะติดประกาศรับเขียนบทความหรืองานเขียนประเภทต่างๆ ผ่านเว็บที่เปิดให้บริการได้เช่นเดียวกันค่ะ โดยเรื่องที่เขียนก็จะแล้วแต่ว่าเป็นหัวข้ออะไรค่ะ อย่างเช่น แฟชั่น อาหาร สุภาพ ท่องเที่ยว ไลฟ์สไตล์ รวมไปถึงเรื่องของ เทคโนโลยี ธุรกิจ เป็นต้น 

รายได้จากการเขียนบทความ ก็ขึ้นอยู่กับการตกลงจ้าง ซึ่งอาจจะคิดเป็นบทความ หรือรายได้ที่มาจากการเขียนบล็อคโดยการติดแบนเนอร์ในเว็บไซต์ ซึ่งเราก็จะได้ค่าโฆษณาเมื่อมีคนมาติดต่อให้ลงโฆษณาในบล็อคนั้นเองค่ะ 

ทักษะการเขียน การใช้ภาษารวมถึงสำนวนต่างๆ เป็นสิ่งที่สามารถพัฒนาและฝึกฝนได้ โดยการจะเป็นนักเขียนที่ดีได้นั้นต้องเริ่มจากการเป็นนักอ่านที่ดีก่อน เมื่อเรามีคลังข้อมูลความรู้มาก เราก็จะสามารถเขียนงานได้ดีและมีความหลากหลายมากยิ่งขึ้นค่ะ