กลัวอ้วนสุดๆ จำกัดแคลอรี่ต่อวันจนต่ำเตี้ยติดดิน แต่เมื่อทนไม่ไหวก็กินทุกอย่างที่ขวางหน้า จากนั้นก็รู้สึกผิด เศร้ามากเลยกินอีก วนลูบใหม่อีกรอบ ชัดเลย! เธอเป็นโรค Binge Eating Disorder แล้วล่ะค่ะ...

เลือกอ่านตามหัวข้อ
Binge Eating Disorder คืออะไร
ลองเช็คดูซิ.. เธอเป็นโรค Binge Eating Disorder หรือเปล่า???
สัญญาณ / อาการของ Binge Eating Disorder
พฤติกรรมที่แสดงออก
สภาพจิตใจ
สาเหตุของการเป็น Binge Eating Disorder
ผลกระทบของการเป็น Binge Eating Disorder
วิธีรักษา / ฟื้นฟูตัวเองจากโรค
1. สร้างพฤติกรรมการกินที่ดีต่อสุขภาพมากขึ้น
ความสำคัญในการตัดสินใจว่าจะ " ไม่อดอาหาร "
2. หาวิธีอื่นในการ " เยียวยาจิตใจ " นอกเหนือจากการกิน
แยกให้ได้ว่า " หิวจริงๆ " หรือ " แค่อยากกิน "
เรียนรู้ที่จะอดทนต่อ " แรงกระตุ้น " ที่จะก่อให้เกิด binge eating
3. ควบคุมตัวเองต่อ " ความอยาก "
4. เปลี่ยนพฤติกรรมการกินเป็น " การกินเพื่อสุขภาพ " แทน
บทความที่เกี่ยวข้อง
สวัสดีค่ะสาวๆ SistaCafe ทุกคนนนน //ส่งจูบ
อย่างที่รู้กันเนอะว่า ผู้หญิงกับอาหารน่ะเป็นของคู่กัน ก็ผู้หญิงกินเก่งน่ะน่ารักจะตาย ประเทศไทยก็เป็นแหล่งอุดมสมบูรณ์ไปด้วยของกิน คาเฟ่ขนมหวาน หรือร้านอาหารติดอันดับดาวกระจายทั่วประเทศ ไม่แปลกหรอกที่จะกินเยอะเกินความจำเป็นไปบ้าง ก็มันอร่อยนี่นา งื้ดดดดดดดดดด~
แต่เดี๋ยวก่อน! เธอเคยมีอาการ " กินไม่หยุดแบบควบคุมตัวเองไม่ได้ ", " กินเสร็จแล้วจะรู้สึกผิดมาก " หรือเปล่าเอ่ย? เพราะนั่นไม่ใช่พฤติกรรมปกติแล้ว เธออาจเป็น " Binge Eating Disorder " หรือ " พฤติกรรมการกินผิดปกติ " ได้นะ อย่าคิดว่านี่เป็นเรื่องเล่นๆ ลองสำรวจตัวเองดีๆ ว่าเธอควบคุมไม่ได้เพราะมันน่ากินม้ากกกกกกกก หรือเพราะเธอควบคุมสมองตัวเองไม่ได้จริงๆ ถ้าเป็นอย่างหลัง เลื่อนลงมาอ่านบทความข้างล่างนี่ด่วน!!!
แต่ไม่ต้องกลัวไปนะสาวๆ เพราะโรคนี้สามารถรักษาได้ เธอแค่ต้องหยุดวงจรการกินแบบผิดปกตินี้ซะ แล้วกลับมาทำความเข้าใจกับอาหารใหม่ เพื่อความสวยสุขภาพดีที่ยั่งยืนค่ะ
ถ้าพร้อมแล้ว...เลื่อนลงมาอ่านเล้ย
Binge Eating Disorder คืออะไร
เรามารู้จักความหมายของโรคนี้กันก่อน " Binge Eating Disorder " คือชื่อโรคที่เรียกพฤติกรรมการกินที่ " ผิดปกติ " ค่ะ โดยมีอาการหลักๆ คือควบคุมการกินของตัวเองไม่ได้ กินเยอะผิดปกติ หลังกินเสร็จจะรู้สึกผิด เศร้า ซึ่งต่างจากโรคบูลิเมีย เพราะบูลิเมียจะอาการหนักกว่า ทั้งไปล้วงคอออก อดอาหารและออกกำลังกายอย่างหนัก
Binge Eating จะเกิดขึ้นในวัยรุ่นตอนปลาย-วัยผู้ใหญ่ตอนต้นเป็นส่วนใหญ่ มักเกิดขึ้นหลังไดเอทครั้งใหญ่ ( ไดเอทที่น้ำหนักลดฮวบมากๆ หรือหุ่นเปลี่ยนไปเลย ) คนเป็นโรคนี้อาจกินทั้งที่ไม่รู้สึกหิว แม้อิ่มแล้วก็ยังกินต่อได้เรื่อยๆ หรือบางรายกินเร็วมากจนไม่รู้ว่าตัวเองกินหรือลิ้มรสอะไรก็มี
พฤติกรรมแบบนี้จะรู้สึก " ฟิน " แค่ชั่วขณะเดียว หลังจากนั้นจะรู้สึกผิดอย่างหนักว่า " ฉันกินอะไรเยอะแยะขนาดนี้เนี่ย!? " และรู้สึกเกลียดตัวเอง นำไปสู่การที่น้ำหนักเพิ่มขึ้นและเป็นโรคอ้วน ( ทำให้เกลียดหุ่นตัวเองเพิ่มเข้าไปอีก )
สรุปคือ Binge Eating เป็นพฤติกรรมการกินที่วนลูป : กินให้รู้สึกดีขึ้น > กินเสร็จแล้วรู้สึกผิด > เศร้า > กินอีกรอบ #แบบนี้ไม่โอเคเลยนะเนี่ย
ลองเช็คดูซิ.. เธอเป็นโรค Binge Eating Disorder หรือเปล่า???
> กินอะไรสักอย่างแล้วหยุดไม่ได้
> คิดถึงเรื่อง " อาหาร " ตลอดเวลา
> แอบกินอาหารในซอกหลืบ ไม่อยากให้ใครเห็น
> กินจนกว่าจะท้องอืด ปวดท้อง เดินไม่ไหว ฯลฯ
> กินเพื่อหนีเรื่องกังวล กินคลายเครียด กินเพื่อทำให้ตัวเองผ่อนคลาย
> รู้สึกขยะแขยง / รังเกียจตัวเอง / อับอายทุกครั้งหลังกินเสร็จ
> ควบคุมการกินของตัวเองไม่ได้ แม้นึกอยากจะหยุดก็ทำไม่ได้
ยิ่งตอบว่า " ใช่ " หลายข้อมากเท่าไหร่ แปลว่าเธอมีแนวโน้มจะเป็น " Binge Eating Disorder " มากขึ้นเท่านั้นค่ะ
สัญญาณ / อาการของ Binge Eating Disorder
อย่างที่บอกไปข้างต้น ผู้ป่วยโรค Binge Eating Disorder จะรู้สึกอับอาย ละอายใจตัวเองสุดๆ กับพฤติกรรมการกินของตัวเอง ทำให้คนเหล่านี้จะแอบกินอาหารในที่ลับๆ เช่น ในห้องส่วนตัว, ในห้องน้ำ, แอบกินตอนที่คนอื่นไม่เห็น บางรายแอบกินแบบ " เนียนๆ " จนพ่อแม่หรือเพื่อนๆ ไม่รู้ว่าพวกเขาป่วยอยู่
ไม่ใช่คนอ้วนทุกคนจะเป็น Binge Eating เพราะดูจากรูปร่างภายนอกไม่ออก บางรายอาจเป็นผู้ที่มีน้ำหนักเกิน แต่บางรายก็มีน้ำหนักตามเกณฑ์ทั่วๆ ไปค่ะ
สัญญาณหนึ่งที่จะรู้ได้ว่าคนใกล้ตัวเป็นโรคนี้หรือเปล่า ให้สังเกตว่ามีห่อ / กล่องอาหารจำนวนมากถูกทิ้งไว้ในถังขยะ, คนคนนั้นซื้ออะไรมาเยอะๆ ใส่ตู้เย็น แล้วหายแว้บ! ไปใน 2-3 วันหลังซื้อมาหรือเปล่า, ซื้อแต่อาหารขยะ ( จั๊งค์ฟู้ด ) หรืออาหารแคลอรี่สูง ไขมันสูงหรือเปล่า ถ้ามีสัญญาณที่ว่ามานี้ครบทุกข้อ เตรียมระวังไว้ได้เลยค่ะ
พฤติกรรมที่แสดงออก
> หยุดกินไม่ได้, คุมประเภทอาหารที่ตัวเองจะกินไม่ได้
> กินอาหารปริมาณมากๆ ในเวลาอันรวดเร็ว
> กินไปเรื่อยๆ แม้จะอิ่มแล้ว
> ซ่อนอาหารไว้ในตู้ ในกล่อง แล้วแอบนำมากินในที่ลับที่ไม่มีใครเห็น
> อยู่กับคนทั่วไปก็กินปกติ แต่ลับหลังเรียกได้ว่า " สวาปามจนกว่าพุงจะแตก "
> กินได้เรื่อยๆ ทั้งวัน ไม่มีมื้ออาหารแน่นอน
สภาพจิตใจ
> รู้สึกเครียด ทรมาน ( ผ่อนคลายได้ด้วยการกินเท่านั้น )
> ละอายใจกับปริมาณมหาศาลของอาหารที่กินเข้าไป
> รู้สึกมึนๆ งงๆ เบลอๆ เวลากินเยอะ เหมือนไม่มีสติ
> ไม่รู้สึกพอใจจริงๆ สักที แม้จะกินเยอะขนาดไหนก็ตาม
> รู้สึกผิด ขยะแขยงตัวเอง ซึมเศร้าหลังจากกินเยอะ
> น้ำหนักเพิ่มขึ้น คุมน้ำหนักตัวเองไม่ได้ คุมพฤติกรรมการกินของตัวเองไม่ได้
สาเหตุของการเป็น Binge Eating Disorder
มีสาเหตุหลายอย่างที่ทำให้เป็นโรคนี้ ไม่ว่าจะเป็นพันธุกรรม สภาพอารมณ์และประสบการณ์ สิ่งแวดล้อมในชีวิตค่ะ เช่น
แรงกดดันในสังคมและวัฒนธรรม : " วัฒนธรรมคลั่งผอม " ส่งผลให้รู้สึกผิดหลังจากกินเยอะ พ่อแม่บางรายใช้อาหารเป็นตัวล่อให้ลูกรู้สึกดี ผ่อนคลาย เป็นของรางวัลเวลาลูกทำดี ทำให้เกิดอาการ Binge Eating โดยไม่รู้ตัว เด็กๆ บางคนถูกวิจารณ์ร่างกายและน้ำหนักอย่างเปิดเผย, ถูกล่วงละเมิดทางเพศ ทำให้จิตใจบอบช้ำ นำมาสู่โรคนี้
ผลกระทบของการเป็น Binge Eating Disorder
โรคนี้ก่อให้เกิดผลกระทบมากมาย ทั้งทางกาย ทางจิตใจ และปัญหาเมื่อต้องอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคม เพราะจะเกิดโรคมากมาย เช่น ความเครียด นอนไม่หลับ หรือมีความคิดอยากฆ่าตัวตายมากกว่าคนปกติ มีอาการของโรคซึมเศร้า วิตกกังวล หรือใช้สารเสพติดบางอย่าง แต่คนส่วนใหญ่จะไม่ไปถึงขั้นนั้น แค่น้ำหนักเกินแบบคุมไม่ได้เสียมากกว่า
วิธีรักษา / ฟื้นฟูตัวเองจากโรค

อันดับบทความประจำวัน
(หมวดสุขภาพ)
Variety By SistaCafe

Feature
กิจกรรม SistaCafe