กราโนล่าคืออะไรลดน้ำหนักได้จริงหรือที่นี่มีคำตอบ
Articles health
สุขภาพ

‘กราโนล่า’ คืออะไร?! ลดน้ำหนักได้จริงหรือ?! ที่นี่มีคำตอบ!

6 ข้อควรรู้ก่อนกินกราโนล่า


» » - - - - - »
Sistacafe button sharefb
Down

เลือกอ่านตามหัวข้อ

  • [แสดง]
  • [ซ่อน]
    • กราโนล่าคืออะไรกันนะ

    • 1. ตรวจสอบ "น้ำตาล" ที่ผสมอยู่ในกราโนล่าให้ดี!

    • 2. ตรวจสอบปริมาณ "แคลอรี่" ด้วยนะจ๊ะ!

    • 3. ใช้ภาชนะใบเล็กๆ เข้าไว้!

    • 4. ตัดปริมาณ "ไขมัน" ออกบ้าง!

    • 5. เลือกชนิดน้ำมันที่ใช้อย่างฉลาด!

    • 6. ระวังส่วนผสมอันตรายที่อาจมองข้าม!

    • บทความที่เกี่ยวข้อง

     
     กระแสรักสุขภาพกำลังมา! ทั้งการออกกำลังกายสุดฮิตอย่าง T25 หรือพิลาทีส ฝั่งอาหารก็ไม่น้อยหน้าใคร ส่งกองทัพ "อาหารคลีน" ไม่ใส่น้ำมัน ไม่ใส่น้ำตาล มาจากธรรมชาติล้วนๆ มาให้แก๊งสาวรักสุขภาพที่ใส่ใจโภชนาการหาซื้อกินกัน ก็แหม ทั้งดีต่อสุขภาพ ทั้งลดความอ้วนด้วยนี่นา แม้ราคาจะสูงกว่าข้าวแกงปกติก็เถอะ!

    เจ้าของร้านอาหารบางคนหัวใส ออกเมนู "อาหารคลีนเดลิเวอรี่" ส่งทั่วประเทศ ขายดิบขายดีนับเงินกันไม่หวาดไม่ไหวเลยทีเดียว บางร้านขายแต่อาหาร แต่บางร้านก็มีขนมล้างปาก ซึ่งตอนนี้ขนมคลีนๆ ยอดฮิตกำลังมาแรง แต่เอ ขึ้นชื่อว่า "ขนม" จะลดความอ้วนได้จริงเหรอ? 

    วันนี้เราจะไขข้อสงสัยให้สาวๆ ทุกคนค่ะ เลื่อนลงมาอ่านข้างล่างได้เล้ย!
     

    กราโนล่าคืออะไรกันนะ

    "กราโนล่า" (Granola) เป็นธัญพืชจากทางฝั่งตะวันตก นิยมทำเป็นซีเรียล กินเป็นอาหารเช้าหรือเป็นขนมกินเล่นก็ได้ เพราะมีรสชาติที่หอม หวาน มัน จากส่วนผสมอย่างข้าวโอ๊ต ถั่วและน้ำผึ้ง ผสมกันและนำไปอบให้กรอบ แต่หลายคนใส่ผลไม้แห้ง ลูกเกด ลูกพลัม ช็อกโกแลต และสารพัดอย่างเพื่อเพิ่มรสชาติ อร่อย กินเพลินจนหมดถุงได้ง่ายๆ

    กราโนล่ามีแคลอรี่สูง แต่เต็มไปด้วยคุณค่าทางสารอาหาร ข้าวโอ๊ตมีไฟเบอร์และธาตุเหล็กสูง ถั่วและเมล็ดธัญพืชต่างๆ ก็มีไขมันดีซึ่งช่วยบำรุงหัวใจ แม้จะมีแต่ส่วนผสมจากธรรมชาติ หรือ "คลีน" แต่เพราะพลังงานที่สูงลิบลิ่ว เธอจึงต้องคิดให้ดีก่อนกิน เพราะหากกินมากเกินไปก็อ้วนได้เหมือนกันนะ!

     และนี่คือหมายเหตุ 6 สิ่งที่เธอควรรู้ก่อนกินกราโนล่า ขนม (ที่เขาว่า) คลีน ค่ะ อ่านดีๆ นะ กินจนเพลินไปเดี๋ยวน้ำหนักขึ้นพรวด จะหาว่าไม่เตือนนะเธอ!
     

    1. ตรวจสอบ "น้ำตาล" ที่ผสมอยู่ในกราโนล่าให้ดี!

     กราโนล่ามักมีส่วนผสมที่เต็มไปด้วยน้ำตาล แต่แทนที่จะใช้ชื่อธรรมดาว่า “น้ำเชื่อมข้าวโพด” ที่มีฟรักโทสสูง ฉลากกลับเล่นตลกด้วยการใช้ชื่อที่ดู “เพื่อสุขภาพ” หลอกผู้บริโภคซะงั้น ไม่ว่าจะเป็นชื่อหรูๆ อย่าง น้ำเชื่อมอ้อยละลาย, กากน้ำตาล, น้ำอ้อย, น้ำเชื่อมข้าวกล้อง, น้ำเชื่อมข้าวโอ๊ต ทั้งหมดก็คือน้ำตาลทั้งนั้น! นั่นหมายถึง “อ้วนรัวๆ!” ปริมาณน้ำตาลที่แนะนำในแต่ละวันคือ 8 กรัมต่อหนึ่งชิ้น (หากน้อยกว่านี้ก็จะดีนะ)
     

    2. ตรวจสอบปริมาณ "แคลอรี่" ด้วยนะจ๊ะ!

    เป็นเรื่องปกติที่กราโนล่าชิ้นหนึ่งจะมีพลังงานหลายร้อยแคลอรี่! ถ้าเป็นกราโนล่าประเภท “รักสุขภาพ” ไม่ปรุงแต่งรสเยอะ จะมีพลังงานน้อยกว่า 200 แคลอรี่ต่อ ¼ ถ้วย, 270 แคลอรีต่อ 1/3 ถ้วย หรือ 400 แคลอรี ต่อ ½ ถ้วย กินแค่สองถ้วยก็ได้พลังงานที่ต้องใช้ทั้งวันแล้วนะ ระวังให้ดี!
     

    3. ใช้ภาชนะใบเล็กๆ เข้าไว้!

     มีคำกล่าวไว้ว่า “ปริมาณกราโนล่าที่เหมาะสมต้องน้อยกว่าซีเรียล อย่าเทลงไปทั้งชามเชียวนะ!” โดยทั่วไปกินเพียง ¼ หรือ 1/3 ของถ้วยก็พอแล้ว ดังนั้นแทนที่เธอจะโหมใส่เจ้ากราโนล่าและนมช็อกโกแลตลงไปจนเต็มชาม เธอต้องเพิ่มอาหารชีวจิตเข้าไปด้วย เช่นกรีกโยเกิร์ตหรือโอ๊ตมีลนะจ๊ะ
     
     
    บทความที่เกี่ยวข้อง
    Content quotation bg
    Disclaimer : หากมีข้อสงสัย กรุณาติดต่อทีมงานมาที่ [email protected]
    Content quotation bg


    ดาวน์โหลดแอพ
    ดาวน์โหลดแอพดาวน์โหลดแอพ
    Icon ranking

    อันดับบทความประจำวัน

    (หมวดสุขภาพ)

    Variety By SistaCafe

    Icon feature 100x100

    Feature

    กิจกรรม SistaCafe