อีกสถานที่หนึ่งที่น่าตื่นตาตื่นใจไม่แพ้กันคือ ป้อมพระจุลจอมเกล้า ไฮท์ไลท์ของที่นี่ที่พลาดไม่ได้เลยคือ พิพิธภัณฑ์เรือรบหลวงแม่กลอง เป็นเรือรบที่เคยใช้งานจริงในช่วงสมัย ร.ศ.112 และมีอายุการใช้ยาวนานที่สุดถึง 60 ปี

เมื่อมาถึงแล้ว ก็ต้องไม่พลาดที่จะขึ้นไปเที่ยวชมซะหน่อย ข้างในนี่กว้างใหญ่มาก มีถึงสามชั้นด้วยกัน มีทั้งห้องครัวห้องประชุมทหารเรือ อาวุธยุทโธปกรณ์บนเรือไม่ว่าจะเป็น ปืน เครื่องยิงลูกระเบิด ก็ล้วนแล้วแต่ผ่านการใช้งานมาจริง ๆ ทั้งนั้น เห็นแล้วยอมรับว่าขนลุก เหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในยุคนั้นจริง ๆ เลย

แหล่งประวัติศาสตร์อีกที่หนึ่งที่ดีมาก ๆ เลยคือ บ้านสาขลา เป็นหมู่บ้านที่มีมาตั้งแต่สมัยอยุธยา ที่นี่เมื่อก่อนถูกเรียกว่าบ้านสาวกล้า เพราะมีตำนานของหญิงสาวในหมู่บ้านที่ต่อสู้กับข้าศึกในสงคราม 9 ทัพ แต่ต่อมาก็เรียกเพี้ยนไปเป็นหมูบ้านสาขลา ของดีของเด็ดของที่นี่ที่ใครมาก็ต้องลองคือ กุ้งเหยียด ที่ถือเป็นสินค้า OTOP ประจำตำบล ลองชิมก็จะติดใจ และต้องซื้อติดไม้ติดมือกลับไปฝากคนที่บ้านแน่นอน ฉันเองก็ยังแอบติดใจรสชาติกุ้งเหยียดเหมือนกัน

วัดบางพลีใหญ่ใน มีประเพณีขึ้นชื่อคือ ประเพณีรับบัว เป็นประเพณีที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณที่มีหนึ่งเดียวในโลก จัดขึ้นในวันขึ้น 13 ค่ำ เดือน 11 ถึง 14 ค่ำ 11 ก่อนออกพรรษา โดยจะอัญเชิญพระพุทธรูปหลวงพ่อโตจำลองลงเรือล่องมาตามคลองสำโรง เพื่อให้ชาวบางพลีทั้งสองฝั่งคลองถวายดอกบัวด้วยการโยนดอกบัวลงไปในลำเรือขณะเดียวกัน ลูกศิษย์หลวงพ่อโตบนเรือก็จะโยนข้าวต้มมัด กล้วยน้ำว้า ถั่วดำ ถั่วเขียว ให้ชาวบ้านสองฝั่งคลอง

ตอนที่ไปยังไม่ถึงช่วงที่มีประเพณี แต่ก็ได้ไปสักการะหลวงพ่อโตในอุโบสถ และปิดทองเพื่อเป็นสิริมงคลเรียบร้อยเสร็จแล้วก็ไปเดินเที่ยวตลาดโบราณบางพลีที่ถัดจากวัดไปไม่ไกล เป็นตลาดที่น่ารักมีเสน่ห์มาก ยังคงความเป็นดั้งเดิมไว้ และขอกระซิบว่า ข้าวหลามที่นี่ อร่อยมาก ๆ ด้วยนะ

ถัดจากวัดบางพลีใหญ่ใน ก็มาต่อกันที่วัดมงคลโคธาวาส วัดนี้มีหลวงพ่อปาน ซึ่งเป็นพระศักดิ์สิทธิ์และมีการเดินลอดโบสถ์เพื่อเสริมบุญบารมี โดยเจ้าหน้าที่วัดจะมีคาถาให้อาราธนาแล้วเดินเข้าไปใต้โบสถ์

มีข้อแม้ว่าต้องเดินเป็นเลขคี่ 3 , 5 หรือ 9 รอบเท่านั้น โดยรอบนอกของโบสถ์นั้นจะมีพระพุทธรูปเรียงรายกันเต็มไปหมด